ขอกล่าวสวัสดี ปีใหม่ปี 2554 กับเพื่อนนักลงทุนและสมาชิก InvestorChart.com ทุกท่านครับ
สำหรับปีใหม่นี้ ขอให้ทุกท่านมีสติในการลงทุน และมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการลงทุนของตนเอง อย่างมีเหตุผล ด้วยการสะสมความมั่งคั่งทางปัญญา เพื่อที่จะสามารถปกป้องและเพิ่มพูนสินทรัพย์ของตนได้อย่างไม่รู้จบครับ
ทั้งนี้ จึงฝากบทความเพื่อเป็นข้อคิดสำหรับผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์ (ตลาดเก็งกำไรอื่นๆ ก็สามารถใช้หลักเดียวกันนี้ได้)
เนื่องจากปีนี้ ตลาดอนุพันธ์น่าจะเป็นตลาดการเก็งกำไรหรือตลาดลงทุนอันหนึ่งที่น่าจะมีบทบาทมากในปี 2554 นี้ เพราะจะมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายขึ้น เช่น โลหะเงิน น้ำมัน หรืออัตราแลกเปลี่ยนที่อาจจะเริ่มมีในปีนี้ รวมถึงระยะเวลาซื้อขายทองคำล่วงหน้า ก็จะขยายเวลามากขึ้น ซึ่งหมายถึงตลาดแห่งนี้จะขยายตัวเป็นอย่างมากและเป็นที่หอมหวลของนักเก็งกำไรกันครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัวของผมที่เห็นผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์มาต่อหลายท่าน นั้นจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะมีจำนวนผู้ขาดทุนในตลาดมากกว่าผู้ที่มีกำไรอยู่เสมอ เปรียบเสมือนกับกฎของพาเรโต ที่พูดถึงทฎษฏี 80/20 ซึ่งหมายถึงทุกสิ่งในโลกนี้จะประกอบด้วยสัดส่วน 80/20 อยู่เสมอเช่นกัน ดั่งนั้นในตลาดหุ้นหรือตลาดอนุพันธ์ก็คงไม่ต่างกัน เช่น ผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นผู้ขาดทุนกว่า 80% มีเพียงคน 20% ที่กำไรและเสมอตัวอยู่ในตลาด แต่คน20%เหล่านี้นั้นมีเงินเท่ากับเงินของคน80% มารวมกัน ซึ่งก็คงไม่แปลกเพราะในโลกของเราทุกวันนี้มักมีคนที่ประสบความสำเร็จน้อยกว่าคนที่ล้มเหลวอยู่แล้ว เพียงแต่ผู้ที่เรียนรู้และพัฒนาตนเองก็พร้อมจะก้าวเดินแซงจากลำดับสุดท้ายเพื่อมาอยู่ในกลุ่ม 20คนแรกได้ นั้นคือสิ่งที่ท้าทายที่ผู้ลงทุนทุกคนควรจะหาข้อผิดพลาดของตนและทำมันให้น้อยลง โดยไม่ปล่อยเวลาให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำๆโดยไม่ได้เรียนรู้อะไรจากมันเลย
ดังนั้นเองผมจึงขอยกตัวอย่างข้อผิดพลาดบางประการที่ได้เห็นจากนักลงทุนที่ล้มเหลว ว่าส่วนใหญ่ เขาปฎิบัติตัวกันเช่นไร
ซึ่งหากเราเข้าใจถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้ และสามารถลดข้อผิดพลาดจากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ได้ก็จะทำให้เราเข้าใกล้ ผู้ที่ประสบความสำเร็จ ในลำดับต้นๆ ได้เช่นกันครับ
ข้อผิดพลาด10ประการของผู้ลงทุนในตลาดอนุพันธ์
1. Dont know Regulations and Rules การที่ไม่ได้ศึกษาถึงกฎกติกาให้ดีก่อน เช่น สินค้าอ้างอิงว่าเป็นสินค้าอะไร ,เงื่อนไขการวางหลักประกัน, วันหมดอายุสัญญา, มูลค่าของสัญญา ,วีธีการคำนวนราคา Daily Settlement price และ Final Settlement Price ซึ่งข้อผิดพลาดเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการลดทอนเงินทุนและกำลังใจของผู้ลงทุนก่อนถึงเป้าหมายได้ เปรียบเสมือนเกมส์การแข่งขันในกีฬาแต่ละประเภท หากไม่ศึกษาถึงกฎกติกาวิธีการเล่นอย่างชัดเจนแล้ว ก็ยากที่จะชนะหรือได้เปรียบต่อนักลงทุนรายอื่นได้ ซึ่งตัวอย่างที่จะเห็นได้ง่ายๆ คือการที่เข้าเปิดสถานะซื้อสัญญาที่กำลังจะหมดอายุ โดยมีราคาสูงกว่า ราคาสินค้าอ้างอิงอยู่มาก ทำให้เมื่อถึงวันหมดอายุสัญญา ต้องขาดทุนอย่างที่ไม่ควร เป็นต้น
2. Hold 2 positions การเปิดสถานะสองด้าน
การเปิดสัญญา 2ด้านใน Series เดียวกัน (2 legs position) หรือการทำ hedging ด้วยการ Long และ Short คนละSeries (เดือนหมดอายุไม่เท่ากันแต่สัญญาสินค้าอ้างอิงเดียวกัน) โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการแก้ไขพอร์ตการลงทุนหรืออยากทำกำไรทั้งสองด้าน (ทั้งขึ้นหรือลง) ซึ่งที่ผมเห็นส่วนใหญ่นั้นเกิดจากสาเหตุที่นักลงทุนมีการลงทุนที่ผิดทางในครั้งแรกแต่ไม่ยอมปิดสถานะจึงเลือกที่จะทำการถือสถานะทั้งสองด้านเพราะไม่อยากปิดสัญญาด้านแรกที่จะเห็นตัวเองขาดทุนดังนั้นจึงหลอกตัวเองด้วยการไม่ปิดสถานะเพราะไม่ปิดก็ไม่เห็นการขาดทุน ซึ่งความเป็นจริงกำไรและขาดทุนมีการคำนวนอยู่ในพอร์ตทุกวันอยู่แล้ว ซึ่งการเปิดสถานะทั้งสองด้านนั้นจะเห็นว่ามีอีกด้านหนึ่งที่เป็นกำไร แต่ก็ไม่อาจมาชดเชยด้านขาดทุนที่เกิดขึ้นในครั้งแรกได้ แต่อย่างไรก็ดียังมีนักลงทุนส่วนมากที่คิดว่าจะสามารถแกะสถานะทั้งสองด้านเพื่อทำให้สุดท้ายเกิดกำไรขึ้นทั้งสองด้านซึ่งความเป็นจริง อาจทำได้ยากมากถ้าวันนั้นตลาดไม่ได้แกว่งตัวมากหรือมีทิศทางที่ชัดเจนหรือการแกะสถานะให้พอดีก็ค่อนข้างยาก ดังนั้นการเปิดสถานะทั้งสองด้านจะเป็นปัญหาและอุปสรรคมากกว่า เนื่องจากจะทำให้การตัดสินใจของผู้ลงทุนจะไม่เฉียบคมเพราะการถือสถานะทั้งสองข้างจะทำให้เกิดความลังเลใจเนื่องจากจะมีด้านหนึ่งกำไรและด้านหนึ่งขาดทุนอยู่ตลอดเวลาซึ่งผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนตลาดฟิวเจอร์ ส่วนใหญ่นั้นจะตัดใจด้วยการปิดสถานะทันทีเมื่อทิศทางไม่ได้เป็นอย่างที่คิด จากนั้นค่อยหาจังหวะใหม่ในการเปิดสถานะใหม่
3. Over Trade การลงทุนเกินกำลังของตัวเอง
เนื่องจากการลงทุนในตลาดอนุพันธ์หรือ Futures นั้นใช้หลักประกันเพียงบางส่วนเพื่อทำการซื้อขายสัญญา ซี่งบางสินค้า ใช้เงินหลักประกันเริ่มต้นเพียง 10% เท่านั้น ดังนั้นหากผู้ลงทุนมีหลักประกันหรือเงินลงทุนที่น้อยแต่อยากที่จะลงทุนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยจนเต็มเพดานวงเงินที่สามารถเล่นได้ โดยลืมประเมินถึงมูลค่าของสัญญา และความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงในการขาดทุนได้
หรืออาจเปรียบเทียบกับ ผู้ที่ได้กำไรในการลงทุนและเปิดสถานะเพิ่มตลอดเพื่อต้องการทำกำไรให้ได้สูงสุด ซึ่งจะนำมาให้ผู้ลงทุนเกิดความโลภจนลืมคิดว่าเงินที่ลงทุนจริงอาจไม่เพียงพอหากตลาดกลับทางกับสิ่งที่ตัวเองคิดไว้
ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าบ่อยครั้งที่ผู้ที่มีกำไรในช่วงแรกจนได้ใจ และเกิดความโลภ ก็จะนำมาซึ่งการขาดสติ และมักจะทำให้เกิดความเสียหายตามมา เปรียบเสมือนนักพนันที่เล่นตามบ่อนซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อใดควรหยุดหรือถอย ก็จะยอมจบเมื่อหมดตัวเท่านั้น
4. Overnight trade การเปิดสถานะข้ามวัน
บางช่วงเวลาหากประเมินสภาวะตลาดหรือมองทิศทางของแนวโน้มไม่ออก การเปิดสถานะค้างไว้เพื่อลุ้นในวันถัดไป ก็คงไม่ต่างอะไรกับการพนัน ที่เพียงเดาว่ามันจะขึ้นหรือลง ซึ่งบ่อยครั้งจะเห็นได้ว่ากำไรที่สะสมมาระหว่างวัน กับมาต้องพนัน กับสิ่งไม่แน่นอน หรือควบคุมไม่ได้ในช่วงข้ามคืน ดังจะเห็นได้จากราคาทองคำที่มีการซื้อขายอยู่ตลอด 24 ช.ม. แต่เวลาที่เราสามารถควบคุมได้(หยุดขาดทุนได้) ก็มีเพียงช่วงเวลาเทรดเท่านั้น ซึ่งสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปในช่วงข้ามคืนในขณะที่เราไม่สามารถควบคุมความเสี่ยงได้เลย หรือการซื้อขายดัชนีล่วงหน้า SET50 ที่อาจมีแนวโน้มเปลี่ยนไปในช่วงกลางคืนจากการผันผวนของดัชนีตลาดต่างประเทศ เช่น Dowjone ก็อาจส่งผลในทิศทางตรงกันข้ามในช่วงเวลาเปิดตลาดของวันถัดไปก็เป็นได้
ดังนั้น การปิดประตูความเสี่ยง ได้คือการไม่มีสถานะ ในช่วงที่เราไม่สามารถควบคุมการลงทุนของเราได้
5. Alway to be the Victor ต้องการเป็นผู้ชนะตลอดเวลา
ไม่มีใครที่สามารถลงทุนหรือเทรด ได้ถูกต้องตลอดเวลา ดังนั้นการแพ้ชนะ ในเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องปรกติที่เปรียบดังเกมส์กีฬา ที่จะมีทั้งกำไร และขาดทุนบ้างผสมกันไป โดยสิ่งที่เหลือคือการพัฒนาทักษะที่จะสามารถให้ครั้งที่ถูกมากกว่าครั้งที่ผิด (Win/loss Ratio) รวมถึงการควบคุมความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk and Reward) เพื่อให้การขาดทุนได้ถูกจำกัดและการที่ได้กำไรต้องมีสัดส่วนที่มากกว่าปริมาณขาดทุนเป็นเท่าตัวขึ้นไป
แต่บ่อยครั้งที่จะเห็นว่า ผู้ที่เคยประสบความสำเร็จจากการลงทุนในหุ้น ที่ถือคติไม่ขายไม่ขาดทุน อาจนำมาใช้กับตลาดอนุพันธ์ไม่ได้เพราะ เนื่องจากความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ที่มีการกำหนดระยะเวลาของอายุสัญญา รวมถึงการคำนวนกำไรขาดทุนเป็นวัน และต้องมีการเรียกหลักประกันเพิ่ม ดังนั้น การทนถือ เพื่อไม่ยอมตัดขาดทุน อาจต้องทำให้เติมเงินไม่รู้จบ หรือการขาดทุนอาจจะมีมากกว่าเงินหลักประกันที่เริ่มใช้ในตอนแรกก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่ไม่ยอมแพ้ (ไม่ยอม Cut loss) ก็คือผู้ที่แพ้อย่างแน่นอนในตลาดอนุพันธ์
สำหรับตอนต่อไป มาพบกับข้อผิดพลาดที่เหลืออีก 5ข้อ ว่าจะเป็นอะไรบ้าง ลองมาดูกันในครั้งหน้าครับ