กระแสเงินจะกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง
จะเห็นได้ว่าช่วง 1เดือนที่ผ่านมา ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ต่างปรับตัวลงมาอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ทองคำ โลหะมีค่า หรือ สินค้าเกษตร ต่างๆ เนื่องจาก การชะลอตัวลงทางเศรษฐกิจโลก และการขายทำกำไร จากตลาดสินค้าล่วงหน้า เช่นน้ำมัน ที่มีการเก็งกำไรอย่างมากในช่วงก่อนหน้า
ดังนั้นเราเชื่อว่าจากแรงขายสินทรัพย์ พวก Commodities เหล่านี้ จะส่งผลดี ต่อตลาดหุ้นอีกครั้ง เนื่องจากจะมีเม็ดเงินบางส่วนไหลกลับเข้ามาตลาดทุน รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน น่าจะเริ่มกลับมาดี อีกครั้ง ในช่วงปลายปี จากราคาต้นทุนสินค้าที่ลดต่ำลง
โดยจะสังเกต ได้จาก การแข็งค่าของเงินสกุลดอลลาร์ ที่ส่งสัญญาณถึงเม็ดเงินจำนวนมากเริ่มไหลกลับเข้าสู่อเมริการอีกครั้ง หลังจากค่าเงิน ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องกว่า 2ปี ครึ่ง ซึ่งทั้งนี้ เราเชื่อว่าเงินส่วนหนึ่งไหลเข้ากลับตลาดหุ้นอเมริกา และทำให้ดัชนี ดาวโจนส์สามารถยืนเหนือ 12,000จุดได้อีครั้ง ซึ่งจะเกิด Sentiment เชิงบวก ให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกเช่นกัน
ประเด็นที่น่าจับตา
1.ค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนตัวต่อเนื่อง และทำสถิตติใหม่ ที่ระดับ 34.0 ,34.5, 35.0 บาท ตามลำดับ ตลอด ไตรมาสที่ 3-4 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องกว่า 2 ปี ซึ่งหุ้นที่เราให้เฝ้าจับตาคือ HANA, TUF, THAI, CCET
2.ผลตอบแทนตลาดตราสารหนี้ คาดว่าจะเริ่มทรงตัว หลังจากสัญญาณ ของเฟด บ่งบอกถึงนโยบายที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ถึงสิ้นปี ซึ่งเราเชื่อว่า กระแสเงินที่ไหลเข้าในตลาดตราสารหนี้ จะเริ่มทรงตัว และอาจมีเงินบางส่วนไหลกลับเข้าตลาดหุ้นอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
จะเห็นได้ว่าหุ้นในตาราง i-chart SET50 หลายตัวได้มีการเปลี่ยน Zone มาอยู่ใน A มากขึ้น นั้นหมายถึงภาพการลงทุนระยะกลางเริ่มกลับมาดีขึ้น ซึ่งเห็นได้จากหุ้นในกลุ่มธนาคาร ที่กลับเข้ามาอยู่ใน Zone A พร้อมกัน ถึง 5ตัว จาก 12ตัวที่ย้ายเข้ามาใหม่
ดังนั้นเราเชื่อว่า ตลาดน่าจะยังคงสามารถปรับตัวขึ้นต่อได้ในสัปดาห์นี้ ได้ โดยหากสามารถปรับตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 715จุด อีกครั้งจะทำให้เกิดแรงซื้อต่อเนื่องถึงระดับ 760+10 จุด ซึ่งกรอบด้านล่างอยู่ที่ 690จุด จะเป็นแนวรับสำคัญ
หุ้นทีมีการย้าย Zone ในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
Positive Momentum
Zone A ได้แก่ TMB, CPF, IRPC, LH, KTB, AMATA, THAI, MCOT, KBANK, SCB, ADVANC, BBL
Zone B ได้แก่ ไม่มี
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone A และ B ล้วนเป็นหุ้นที่น่าจับตา สำหรับการลงทุน
Negative Momentum
Zone C ได้แก่ ไม่มี
Zone D ได้แก่ EGCO
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone C และ D คือหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน หรือขายทำกำไร
Download ตาราง i-Chart SET50 15Aug08.pdf (201.91 KB)
คำแนะนำ
หุ้นที่เพิ่งมีการเปลียน ข้าม Zone มักจะเป็นการปรับตัวต่อเนื่องระดับกลาง ซึ่งอาจเกิด Momentum ต่อเนื่อง ได้อย่างน้อย 3 สัปดาห์
(Positive Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งย้าย Zone มาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเกิดภาพในเชิงบวก โดยสามารถซื้อถือ ระยะกลาง ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาจากกราฟทางเทคนิค หรือประเมิณสัญญาณ indicator จากตาราง i-Technical SET50 ได้
A หรือ B เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านบวก เช่น D->A, A->B, C->B
(Negative Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งมีการเปลียนย้าย Zone มาอยู่ใน Zone ลบ จะสามารถทำให้เกิดแรงขายต่อเนื่องได้ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นดังกล่าว หรือ อาจขายเพิ่อ Short sell หรือ switch เปลี่ยนตัวเล่น
C หรือ D เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านลบ เช่น A->D, B->C,C->D
นิยาม ตาราง i- Chart SET50
คือ ตารางที่ดูแนวโน้มการเคลื่อนที่ของหุ้นใน SET50 ว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด ว่าจะเป็นขาขึ้น หรือขาลงด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยการใช้สัญญาณ indicator ต่างๆ เพื่อบอกทิศทางและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซี่งจะใช้ข้อมูลระดับสัปดาห์มาเป็นตัวกำหนด โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกหุ้น ที่อยู่ในแนวโน้มต่างๆจาก STOCK TIME ZONE แบบ A, B, C, D และยังสามารถดูข้อมูลอื่นประกอบ เช่น Price over, Sma cross ที่จะบอกถึงความเชื่อมั่นที่ดี หากเป็น +
Zone A คือ หุ้นที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของขาขึ้น พร้อมจะปรับตัวขึ้นแรงหาก MACD Cross Zero line แล้วข้ามเป็น Zone B (เป็นช่วงสะสมหุ้น,หรือหาจังหวะซื้อ) ซึ่งบางกรณีอาจเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ได้หากราคาหุ้นปัจจุบัน ยังปรับตัวลงต่อ แต่ในความหมายของ Zone A นี้หมายความว่าแรงขายเริ่มลดน้อยถอยลง และมีโอกาสที่จะปรับเป็นขาขึ้นในไม่ช้า
Zone B คือ หุ้นที่เป็นขาขึ้นในระดับ Bullish (สภาวะกระทิง)ซึ่งนักลงทุนจะมีความมั่นใจและหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งสามารถถือหุ้น และซื้อเก็งกำไรได้(Trading Buy)
Zone C คือ หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง และควรทำกำไร เพราะหุ้นได้อยู่ในแนวโน้มขาลงแล้ว หรือควรเปลี่ยนตัวเล่น (Reduce, Switch)
Zone D คือ หุ้นที่ยังคงแนวโน้มขาลง ซึ่งยังคงปรับตัวลงลึกรอที่จะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง (Buy on weekness, Accumulate)
คำนิยามและความหมาย
1) Stock = คือหุ้นจาก SET50 2) Last Trade (Close price, Change price, % change) = ราคาปิดของสัปดาห์, การเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาและเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลง 3) Volume Monitor (Volume W,Volume average 5W) = ปริมาณการซื้อขายของจำนวนหุ้นในสัปดาห์, ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยใน5สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเครื่องหมาย(+,-) เป็นการบอกว่ามีปริมาณการซื้อขายหุ้นสัปดาห์นั้นมากกว่าหรือน้อยกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย5สัปดาห์ ***(จำนวนเต็มต้องคูณด้วย 1,000หุ้น) 4) Momentum Play (Simple Moving Average 5 weeks[Sma 5W], Simple Moving Average 10 weeks [Sma 10W],Price Over 5 W,Price Over 10 W,Sma cross, RSI Week, SMA 5 weeks ของ RSI (RSI SMA5W) ,MACD cross, Bullish or Bearish) = สัญญานทางเทคนิคที่บอกทิศทางของหุ้นว่ามีแนวโน้มขึ้น (+)หรือลง(-) อย่างไร โดยจะมีการเรียงสัญญาณทางเทคนิคตาม ความไวของสัญญาณ ตั้งแต่ Price over 5W. หรือ 10W.ราคาปิดที่มากกว่าราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์ หรือ10สัปดาห์ สัญญานเป็น(+) หมายถึงแนวโน้มขึ้น , SMA cross ราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์สูงกว่าราคาเฉลี่ย10สัปดาห์ บอกถึงทิศทางขาขึ้น สัญญานเป็น+ , ส่วนสัญญาน MACD ที่เป็น+ เกิดจากค่าของเส้น MACD Line มากกว่าค่าของ Signal Line, และค่าMACD Line ที่มากกว่าศูนย์บอกถึงสภาวะหุ้นตัวนั้นว่าเป็นสภาวะกระทิง (Bullish) หรือสภาวะหมี (Bearish) หากค่าต่ำกว่าศูนย์ 5) TIME ZONE = บอกถึงสภาวะของหุ้นตัวนั้นว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด 6) Last Zone=สภาวะหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอยู่โซนใด,Pres.Zone = Present Zone สภาวะหุ้นในสัปดาห์ปัจจุบัน 7) 52-weeks Range = ช่วงราคาที่สูงที่สุดและต่ำที่สุดในรอบ 52 สัปดาห์