พอดีได้มีโอกาสมาดูบทวิเคราะห์ย้อนหลัง ในช่วงงาน มหกรรมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ปี 2549 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 9 มกราคม 49 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติ สิริกิติ์ กว่า 1 ปีที่ผ่านมา ผมเลยได้ทำบทสรุปออกมาให้เห็นถึง จุดอ่อนของนักลงทุน ที่อาจเกิดขึ้นได้สำหรับการลงทุนดังนี้ครับ
ซึ่งบทวิเคราะห์นี้ทำออกมาได้น่าสนใจ และมีการเลือกหุ้นออกมาทั้งหมด อย่างละ5ตัวจากหุ้นใน market cap ใหญ่ และ market cap. เล็ก โดยหากพิจารณา ในช่วงระยะเวลา 1 ปีจะเห็นว่า
Stock |
5-Jan-06 |
Target |
Upside |
Low |
Change |
High |
Change |
18-Dec-06 |
Change |
5-Apr-07 |
Change |
Big Cap (Port A) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ADVANC |
109.00 |
130.00 |
19.27% |
79.50 |
-27.06% |
114.00 |
4.59% |
84.00 |
-22.94% |
73.00 |
-33.03% |
CPF |
6.10 |
7.20 |
18.03% |
4.60 |
-24.59% |
6.20 |
1.64% |
5.15 |
-15.57% |
4.62 |
-24.26% |
HANA |
27.50 |
33.72 |
22.62% |
23.70 |
-13.82% |
31.00 |
12.73% |
27.75 |
0.91% |
24.70 |
-10.18% |
PTT |
238.00 |
289.00 |
21.43% |
202.00 |
-15.13% |
270.00 |
13.45% |
224.00 |
-5.88% |
208.00 |
-12.61% |
SCC |
244.00 |
344.00 |
40.98% |
204.00 |
-16.39% |
258.00 |
5.74% |
256.00 |
4.92% |
248.00 |
1.64% |
Total G/L |
|
|
122.33% |
|
-96.99% |
|
38.14% |
|
-38.56% |
|
-78.44% |
Avg. G/L |
|
|
24.47% |
|
-19.40% |
|
7.63% |
|
-7.71% |
|
-15.69% |
Small Cap (Port B) |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ROJANA |
9.85 |
10.90 |
10.66% |
9.65 |
-2.03% |
15.80 |
60.41% |
14.00 |
42.13% |
12.00 |
21.83% |
IRP |
4.76 |
6.40 |
34.45% |
4.72 |
-0.84% |
7.45 |
56.51% |
7.00 |
47.06% |
7.40 |
55.46% |
MAJOR |
13.80 |
15.90 |
15.22% |
13.50 |
-2.17% |
17.90 |
29.71% |
16.90 |
22.46% |
15.60 |
13.04% |
LPN |
3.62 |
4.60 |
27.07% |
3.54 |
-2.21% |
6.25 |
72.65% |
5.90 |
62.98% |
5.90 |
62.98% |
WORK |
18.80 |
23.00 |
22.34% |
18.40 |
-2.13% |
29.00 |
54.26% |
22.50 |
19.68% |
22.10 |
17.55% |
Total G/L |
|
|
109.74% |
|
-9.38% |
|
273.54% |
|
194.32% |
|
170.87% |
Avg. G/L |
|
|
21.95% |
|
-1.88% |
|
54.71% |
|
38.86% |
|
34.17% |
Grand Total |
|
|
46.41% |
|
-21.27% |
|
62.33% |
|
31.15% |
|
18.49% |
Grand Avg. |
|
|
23.21% |
|
-10.64% |
|
31.17% |
|
15.58% |
|
9.24% |
SET |
741.28 |
|
|
641.03 |
-13.52% |
787.55 |
6.24% |
730.55 |
-1.45% |
692.47 |
-6.58% |
หากนักลงทุนซื้อหุ้น ณ ราคาที่เริ่มแนะนำ หุ้นขนาดใหญ่ทั้ง 5ตัวนั้น ถ้าซื้อหุ้นในกลุ่ม Large Cap ส่วนใหญ่ขาดทุน หรือกำไรเพียงเล็กน้อย ส่วนการเลือกลงทุนในกลุ่ม Small Cap 5 ตัวหลังจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า โดยหากเราเปรียบเทียบจากราคาหุ้นที่เริ่มแนะนำ กับราคาหุ้นสูงที่สุดและต่ำสุดในรอบปีจะเห็นถึงความเสี่ยง จากผลตอบแทนที่มากทีสุด และผลตอบแทนที่น้อยที่สุด ซึง่จะเห็นว่า หากเราลงทุนหุ้นดังกล่าว ทั้ง 10ตัวนี้ อาจมีโอกาสขาดทุนมากที่สุดถึง -27.06% หรือ -24.59% จาก ADVANC และ CPF
ส่วนหุ้นบางตัว สามารถปรับตัวสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ กำไรก็อาจจะมากกว่า ราคาเป้าหมายที่บทวิเคราะห์กำหนดไว้ แต่อย่างไรก็ดี หากเราใช้หลักการวิเคราะห์ทางพื้นฐานเพียงอย่างเดียวนั้น เชื่อว่า นักลงทุนคงต้องขายเมื่อ ราคาหุ้นถึงเป้าหมาย ส่วนหุ้นตัวไหนยังไม่ถึงเป้าหมายก็คงยังไม่ขาย ดังนั้นเมื่อสรุปได้ดังนี้ผมขอมาวิเคราะห์พอร์ตของนักลงทุนที่ลงทุนตามบทวิเคราะห์นี้ ครับ
เมื่อดูตัวเลข ผลตอบแทนโดยรวม หากลงทุนด้วยจำนวนเท่ากัน จากหุ้น 10ตัว จะเห็นว่าเมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี คือ วันที่ 18 ธ.ค49 (เนื่องจากหากใช้ตัวเลขหลังจากนี้จะเปลี่ยนแปลงมากกว่าภาวะปกติ จากมาตราการ สำรองเงิน30%) จะเห็นว่าได้ผลตอบแทนจาก Port A ที่ -7.71% Port ฺB ที่ +31.15% โดยผลตอบแทนรวมเฉลี่ยเท่ากับ +15.58%หากไม่มีการขายหุ้นเลย จนถึงวันที่ 18 ธ.ค
ส่วนการถือหุ้นจนถึงวันที่ 5เมษายน 2550 หรือวันนี้ ก็จะได้รับผลตอบแทนเพียง เท่ากับ +9.24% แต่อย่างไรก็ดียังนับว่าเป็นผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดครับ ซึ่งผลตอบแทนของตลาดยังคงติดลบ ที่ -6.58%
แต่ความเป็นจริงนั้น นักลงทุน ส่วนใหญ่ คงจะขายหุ้นเมื่อถึงราคาเป้าหมาย ตาม Target ที่นักวิเคราะห์พื้นฐาน ให้ไว้ ซึ่ง อาจจะไม่สามารถขายหุ้นได้ที่ราคาสูงที่สุด ได้ ดังนั้นจะเห็นว่าหุ้นที่อยู่ใน Port A จะยังไม่มีการขายออก เพราะใน 1 ปีกว่านั้น ไม่เคยปรับตัวถึงราคาเป้าหมาย ส่วนหุ้นใน Port B หรือ Small Cap หากขายเมื่อถึงราคาเป้าหมายจะได้ผลตอบแทน เฉลี่ย ที่ +21.95% ซึ่งเมื่อหักลบ กับการขาดทุน ของ Port A ในวันที่ 18 ธ.ค 49 ที่ -7.71% นั้น จะได้ผลตอบแทนรวมของ 2พอร์ต คือ +7.12% แต่หากเทียบกับ ผลตอบแทนเฉี่ยมรวมในวันที่ 5 เมษายน 2550 จะได้ผลตอบแทนรวมของ 2 พอร์ตเพียง+3.13%
ดังนั้นผมขอสรุป ดังนี้ครับ
1.ราคาหุ้นที่แนะนำว่าเหมาะสมเข้าลงทุนเนื่องจากต่ำกว่าราคาเป้าหมายถึง 20% แต่ก็สามารถปรับตัวลงได้อีก ดังเช่น ADVANC, CPF ที่เคยปรับลงลีกสูดถึง -27% และ -24% จากราคาที่แนะนำตอนแรก
2.หากลงทุนตามบทวิเคราะห์ทางพื้นฐาน จะได้ผลตอบแทนที่ดีนั้น อาจต้องใช้เวลา มากกว่า 1ปี
3. หุ้นบางตัวอาจให้ผลตอบแทนสูงกว่าราคาเป้าหมาย ก็ได้ ดังเช่นหุ้นในกลุ่ม Small Cap ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 72% และ 60% ในช่วงราคาสูงที่สุด ดังนั้นการวิเคราะห์ทางเทคนิคอาจเป็นตัวช่วยในการหาจังหวะขาย ที่ราคาสูงกว่านี้ได้
4.ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กในปี 2006 ดีกว่าหุ้นขนาดใหญ่ และ SET index นั่นอาจหมายความว่า หุ้นขนาดเล็กหากเลือกถูกตัวมีโอกาสให้ผลตอบแทนที่มากกว่า ซึ่งมักจะเป็นหุ้นในกลุ่ม (Growth stock) หรืออีกนัยหนึ่งคือ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนต่างประเทศ ต่างลดสัดส่วนการถือครองหุ้นขนาดใหญ่ในปี 2006 จึงทำให้หุ้นขนาดใหญ่ ไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้น
5.การเลือกหุ้นและจัดสรรพอร์ต เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหุ้นที่ดี เป็นส่วนมากในพอร์ต จะสามารถ รักษาผลตอบแทนโดยรวมได้
6. หากเลือกลงทุนในช่วงเวลาที่เหมาะสม ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทน เพิ่มขึ้นด้วยการขายหุ้นที่กำลังเป็นแนวโน้มขาลง และซื้อกลับที่ราคาถูกกว่า หรือ ถือหุ้นต่อจนกว่า แนวโน้มจะเปลี่ยน แม้ว่าหุ้นจะสูงเกินราคาเป้าหมายแล้ว ซึ่งการใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค มาเป็นองค์ประกอบ อาจสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า ได้ ดังจะเห็นว่าผลตอบแทนสูงสุดของพอร์ตโดยรวมหากสามารถขายได้ที่ราคาสูงสุด ผลตอบแทนรวมจะสูงถึง 31.17% เลยทีเดียว หรือการ Shot againt port แล้วซื้อหุ้นกลับใหม่ ก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี วินัย ประสบการณ์ และการวางแผนการลงทุนของแต่ละบุคคล จะเป็นตัววัดผลตอบแทนครับ
ผมจึงหวังอย่างยิ่งว่า เมื่อท่านได้อ่านการวิเคราะห์ พอร์ตแนะนำตัวอย่างนี้ จะทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนของท่านได้ชัดเจนขึ้น เพราะจะเห็นว่าแม้ตลาดโดยรวมปรับตัวลดลง แต่ก็สามารถจัดสรรพอร์ต เพื่อทำผลตอบแทนชนะตลาดได้ ครับ
ส่วนท่านนักลงทุนอาจลองพิจารณาการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นต่างๆ ได้จากกราฟด้านล่างนี้ครับ
ADVANC , CPF, HANA , PTT, SCC, ROJANA, IRP, MAJOR, LPN, WORK