Download ที่นี่ i-chart30 040906.pdf (119.33 KB 01.09.2006 23:04)
+ หุ้นที่เกิดสัญญาณ Up Trend day1 คือ SET, SET50, ATC, ITV, KEST, LH, PTTEP, SATTEL, TMB, TPI, TT&T โดยมีดัชนี ขึ้น2ตัว หุ้นขึ้น 9ตัว
- หุ้นที่เกิดสัญญาณ Down Trend day1 คือ BECL
* หุ้นหลายตัวเริ่มมีวอลุ่มกลับเข้ามาซื้อขายคึกคักอีกครั้ง เป็นหุ้นเด่นเก็งกำไร พร้อมรอการกลับตัว ได้แก่ PTTCH, TPIPL, ASP, AOT , ADVANC, BANPU, ITD
ภาพรวมการลงทุน ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้านสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย 10วันได้สำเร็จปรับตัวขึ้น ปิดที่ระดับ 696.44จุดอย่างแข็งแกร่ง โดยจะเห็นว่า SET, SET50 เกิดสัญญาณขี้นเป็น uptrend ใน i-chart30 เป็นวันแรกจากราคาปิดในวันศุกร์ ซึ่งจะเห็นว่ามีหุ้นอีก9ตัว ที่ปรับตัวขึ้นเป็นสัญญาณบวกเช่นกัน โดยจะเห็นว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมีเริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกอีกครั้ง ส่วนสภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกวานนี้ต่างก็ปรับตัวขึ้นบวกเช่นกัน โดยเรามีมุมมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐ (ดัชนีดาวโจนส์) ปรับตัวบวกในวันศุกร์นี้ ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้นั้น จะส่งสัญญาณเชิงบวกในสัปดาห์หน้าตลอดทั้งสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ดีสัญญาณระยะสั้น SET อาจจะมีการพักตัวได้ โดยมีแนวรับการถอยได้ไม่เกิน 690จุด ดังนั้นใครจะรอซื้ออีกรอบ รอตรงแนวรับตรงนี้ได้เลยครับ
ประเด็นที่น่าจับตา
1.มีการซื้อขาย หุ้นด้วย BigLot Trade เป็นจำนวนมากในช่วงวันศุกร์ โดยจะเห็นได้จากหุ้นในกระดานต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน ซึ่งเราเชื่อว่ามีโอกาสที่ money flow in เงินจากนักลงทุนต่างประเทศอาจจะไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอีกครั้ง โดยจะเห็นได้จาก หุ้น KBANK-F กว่า 300ล้านบาท, KTB-F กว่า 180ล้านบาท, PTT และ PTT-FTรวมกว่า 120ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี SAMART และ CAWOW ที่มีการซื้อขาย Biglot อย่างมากจนน่าจับตา สามารถดูได้ที่ link นี้ครับ http://www.thaibiglot.com/live_biglottrader.asp
2.นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งเป็นวันที่2ด้วยมูลค่า 653ล้านบาท
3.ค่าเงินบาทปิดตัวสิ้นสุดสัปดาห์ด้วยลักษณะการแข็งค่ามากที่สุดในวันที่ 37.50บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจะส่งสัญญาณที่ดีในเชิงบวกสำหรับการแข็งค่าต่อได้ในสัปดาห์หน้า
กลยุทธ์การลงทุน
ตาราง i-chart30 สามารถเกิดสัญญาณ Uptrend ที่มากกว่า 15ตัวอีกครั้ง นับเป็นครึ่งจากหุ้นทั้งหมด 30ตัว รวมถึงดัชนี SET เกิดเป็นสัญญาณบวก ดังนั้นเราเชื่อว่าตลาดน่าที่จะปรับตัวขึ้นได้ต่อในสัปดาห์ หากไม่มีปัจจัยอื่นใดมากระทบ โดยหากปริมาณการซื้อยังมีต่อเนื่องรวมถึงการซื้อขายที่มากอีก ก็จะทำให้เป้าหมายการขึ้นรอบนี้อาจจะอยู่ราว 716-720จุด ก็เป็นได้ครับ โดยให้สังเกตหุ้นตัว นำอย่าง TPIและหุ้นกลุ่มธนาคารให้ดี
คําแนะนําการลงทุนใน i-chart 30 นั้น เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลตามสัญญานทางเทคนิค ด้วยการบอกสัญญาน หรือทิศทางแนวโน้มของราคาหุ้น ว่าแต่ละสัญญาน มีการปรับตัวขึ้นและปรับลงเช่นใด ซึ่งจะมีคำแนะนำสำหรับการบอกช่วงเวลาที่เกิดสัญญานแนวโน้มขาขึ้นและสัญญาณแนวโน้มขาลง โดยใช้ราคาปิดของสิ้นสุดวัน มาเป็นตัวกำหนด รวมทั้งการบอกจำนวนวันที่เกิดสัญญานและการเปลี่ยนแปลงของราคาที่เกิดขึ้น ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจ ในการวิเคราะห์การลงทุน
คำนิยามและความหมาย
1) Stock = คือหุ้นที่เลือกมาจาก i-chart model โดยเน้นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าทางตลาดสูง มีความนิยม มีสภาพคล่องและ สามารถประกอบใช้กับการวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบ i-chart30ได้
2) Last Trade (Close price, Change price, % change) = ราคาปิดของวันก่อน, การเปลี่ยนแปลงของราคา และเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลง
3) Volume Monitor (Volume,Volume average 5 day) = ปริมาณการซื้อขายของจำนวนหุ้น, ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยใน5วันที่ผ่านมา โดยเครื่องหมาย(+,-) เป็นการบอกว่ามีปริมาณการซื้อขายหุ้นวันนั้นมากกว่าหรือน้อยกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย5วัน ***(จำนวนเต็มต้องคูณด้วย 1,000หุ้น) 4) Momentum Play (Simple Moving Average 5 days[sma 5days], Simple Moving Average 10 days [Sma 10days],Price Over5 days,Price Over10 days ,Sma cross, MACD cross, Bullish or Bearish) = สัญญานทางเทคนิคที่บอกทิศทางของหุ้นว่ามีแนวโน้มขึ้น (+)หรือลง(-) อย่างไร โดยจะมีการเรียงสัญญาณทางเทคนิคตาม ความไวของสัญญาณ ตั้งแต่ Price over 5d. หรือ 10d.ราคาปิดที่มากกว่าราคาเฉลี่ย 5วัน หรือ10วัน สัญญานเป็น(+) หมายถึงแนวโน้มขึ้น , SMA cross ราคาเฉลี่ย 5วันสูงกว่าราคาเฉลี่ย10วัน บอกถึงทิศทางขาขึ้น สัญญานเป็น+ , ส่วนสัญญาน MACD ที่เป็น+ เกิดจากค่าของเส้น MACD Line มากกว่าค่าของ Signal Line, และค่าMACD Line ที่มากกว่าศูนย์บอกถึงสภาวะหุ้นตัวนั้นว่าเป็นสภาวะกระทิง (Bullish) หรือสภาวะหมี (Bearish) หากค่าต่ำกว่าศูนย์
5) Action and Recommend = Trend (Up and Down) บอกถึงสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง, จำนวนวันที่เกิดสัญญาณ Day , Price action ราคาปิดของวันก่อนเกิดสัญญาณที่เป็นแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง และ % change เปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนแปลงของราคานับตั้งแต่ที่เริ่มเกิดสัญญาน 6) 52-weeks Range = ช่วงราคาที่สูงที่สุดและต่ำที่สุดในรอบ 52 สัปดาห์
หมายเหตุ รายงานฉบับนี้จัดทําขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุน แต่มิได้มีวัตถุประสงค์จะชี้นําหรือชักชวนให้ซื้อขายหลักทรัพย์ที่ระบุในรายงาน ผู้จัดทําได้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ใช้อย่างระมัดระวังแล้ว แต่ไม่อาจรับรองถึงความสมบูรณ์หรือความถูกต้องได้ ทั้งนี้ ข้อมูลและความเห็นต่างๆ ในรายงานอาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่จําเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า นักลงทุนควรใช้วิจารณญาณ และโปรดศึกษาข้อมูลของบริษัทผู้ ออกหลักทรัพย์และข้อมูลอื่นใดที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน ผู้จัดทําจะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการตัดสินใจลงทุนดังกล่าว