ประเด็นที่น่าจับตา สำหรับตลาดหุ้นสัปดาห์ นี้ คือ ETF หรือ กองทุน Equity ETF (Exchange Traded Fund) ทางเลือกใหม่ในการลงทุนสำหรับคนไทย ที่จะมีการเข้าซื้อขายวันแรก ในวันที่ 6 ก.ย. นี้ โดยจะมีการซื้อขาย เหมือนหุ้น ที่ spread ละ 0.01 บาท จำนวนซื้อขายขั้นต่ำ 100หุ้น (1 board lot) ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการเปิดจองในสัปดาห์ที่แล้วที่ ราคา IPO 5.6796บาท ต่อหน่วย ซึ่งมีจำนวนยอดการจองต่ำกว่า เป้า เนื่องจาก จำนวนนักลงทุนต่างชาติมีการซื้อน้อย จากการติดข้อกฎหมาย กันเงินสำรอง 30% จาก ธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงนักลงทุนทั่วไป ยังไม่เข้าใจว่า ETF คืออะไร![](http://www.investorchart.com/images/1188838791/etf-logo.jpg)
ซึ่งหลายคนต่าง มีมุมมองกันหลายประเด็นว่า ETF อาจไม่คึกคักอย่างที่หลายคนคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า แต่อย่างไรก็ดี นี่อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ คึกคัก ขึ้นมาอีกครั้งจาก การที่ ETF เข้ามาซื้อขายเป็นสัปดาห์แรก เพราะราคาหน่วย ลงทุนของ ETF นี้จะผูกติดกับ SET50 เลยทีเดียว
โดยรายละเอียดเบื้องต้น คือ ETF เปรียบเสมือนกองทุนที่ลงทุนในหุ้น SET50 ซึ่งจะคิดมูลค่าหน่วยลงทุนทุกนาที (Real Time) โดยมี Market Maker คอยจัดให้ราคาเสนอซื้อขายใกล้เคียงกับมูลค่าหน่วยลงทุนที่แท้จริง ทำให้นักลงทุนสามารถส่งคำสั่งซื้อหน่วยลงทุนของ ETF ได้ในราคาที่แท้จริงตลอดเวลา ซึ่งจะต่างจาก กองทุน SET50 index ที่ต้องรอคำนวน NAV ณ สิ้นวัน ซึ่ง ETF ในต่างประเทศนั้นใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งสำหรับ นักลงทุนสถาบัน หรือนักลงทุนต่างประเทศ ในการลงทุน ETF แทนการซื้อหุ้นใน SET50 และนอกจากนี้ยังใช้ ETF ในการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และOption เพื่อทำให้การบริหารพอร์ตลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยผู้ลงทุนในETF สามารถ ทำธุรกรรมการ Short Sell ได้เมื่อผ่านระบบการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (Securities Borrowing and Lending :SBL) นอกจากนี้ นักลงทุนยังสามารถซื้อขายโดยใช้บัญชีมาร์จิ้น(Margin Account) ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลงทุนที่ทำให้การลงทุนผ่านกองทุน ETF ไม่แตกต่างจากการลงทุนในหุ้น
ความแตกต่างระหว่าง ETF และ กองทุนเปิด |
ความแตกต่าง |
ETF |
กองทุนเปิด |
ราคา |
ตลอดเวลาทำการ |
สิ้นวันทำการ |
การซื้อขาย |
ไม่มีผลกระทบต่อราคาของหุ้น ที่อยู่ในดัชนีอ้างอิง |
อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นที่อยู่ในพอร์ตการลงทุน |
ช่องทางการซื้อขาย |
โบรกเกอร์ |
บลจ. หรือ ตัวแทนจำหน่าย |
การขายชอร์ต |
ได้ |
ไม่ได้ |
การส่งคำสั่ง Limit Order |
ได้ |
ไม่ได้ |
การซื้อด้วยบัญชีมาร์จิ้น |
ได้ |
ไม่ได้ |
ค่าธรรมเนียมการบริหาร |
ต่ำ |
ต่ำ ปานกลาง |
การซื้อขายแบบ Active |
ง่ายและสะดวก |
อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม |
ซื้อขายสะดวก แต่กระจายความเสี่ยง และเก็บค่าบริหารจัดการต่ำกว่ากองทุนรวมอื่นๆ
กองทุน ETF พูดง่าย ๆ ก็คือ กองทุนเปิดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อขายสะดวกเหมือนหุ้น แต่กระจายความเสี่ยงเหมือน index fund ที่เสียค่าบริหารจัดการต่ำกว่ากองทุนอื่นๆ กองทุน ETF สามารถอ้างอิงดัชนีได้หลายประเภท เช่น ดัชนีราคาหลักทรัพย์ ดัชนีราคาตราสารหนี้ ดัชนีราคาทองคำ เป็นต้น
กองทุน ETF เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ที่รวมเอาคุณสมบัติเด่นของหุ้นและกองทุนเปิดไว้ด้วยกัน โดยมีคุณสมบัติเหมือนหุ้น ในแง่ที่ต้องซื้อขายผ่านโบรกเกอร์เท่านั้น ผู้ลงทุนสามารถซื้อขายและรู้ราคาซื้อขายได้ตลอดเวลา (real time) ไม่มีกำหนดอายุโครงการ ด้านคุณสมบัติที่คล้ายกองทุนเปิด คือ สามารถเพิ่มหรือลดหน่วยลงทุน Equity ETF ได้ real time มีนโยบายการลงทุนคล้ายกับ index fund
ด้วยเหตุนี้เอง กองทุน Equity ETF จึงเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้น แต่อยากกระจายความเสี่ยงและไม่ต้องการลุ้นว่าจะซื้อหรือขายหน่วยลงทุนที่ราคาเท่าไร (เพราะปัจจุบันถ้าซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนอื่นๆ จะทราบราคาซื้อขาย ณ สิ้นวัน) จากสาเหตุดังกล่าว ผู้ลงทุนยังสามารถเก็งกำไรได้เหมือนหุ้น ซึ่งถ้าผู้ลงทุนจะทำการเก็งกำไรสามารถทำได้ทั้งพอร์ตการลงทุนของกองทุน ETF แต่ถ้าเป็นหุ้นจะเก็งกำไรได้เฉพาะหุ้นตัวที่ซื้อเท่านั้น หากผู้ลงทุนไม่ต้องการเก็งกำไร ก็สามารถถือหน่วยลงทุนกองทุน ETF แบบระยะยาวเพื่อรอปันผลได้ โดยดูผลตอบแทนในรูปแบบ NAV ได้เหมือนกองทุนรวมทั่วๆ ไป
หากใครต้องการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ลองตามอ่านได้ จาก link ด้านล่างนี้ครับ