Dollar Index นับเป็นเครื่องมือสำคัญทางการเงินอันหนึ่งที่ มักจะเป็นตัวบ่งบอกถึงแนวโน้มการลงทุน หรือกระแสเงินลงทุนที่จะเคลื่อนที่ไปมาระหว่างสินทรัพย์ต่างๆ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ณ ปัจจุบันนักวิเคราะห์ทั่วโลก ต่างหยิบยกถึงแนวโน้มการอ่อนค่าของเงินสกุลดอลลาร์มาเป็นตัวกำหนดกลยุทธ์ การลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ อย่างที่เราเห็นกันในวันนี้อย่างมากมาย
แต่ทั้งนี้ ก่อนที่จะมาดูถึงความสำคัญของดัชนีค่าเงินดอลลาร์ คงต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า การคำนวณดัชนี นี้มีที่มาอย่างไร
Dollar Index คือ ดัชนีที่วัดมูลค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ในระบบตระกร้าเงินที่เป็นการเฉลี่ยน้ำหนักเงินสกุลต่างๆ 6สกุลหลัก ได้แก่
Euro (EUR), 57.6% weight
Japanese yen (JPY), 13.6% weight
Pound sterling (GBP), 11.9% weight
Canadian dollar (CAD), 9.1% weight
Swedish krona (SEK), 4.2% weight and
Swiss franc (CHF) 3.6% weight.
ซึ่งหมายความว่าเงินแต่ละสกุลจะมีน้ำหนักในตระกร้าเงินไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับสัดส่วนน้ำหนัก ที่แจ้งมาดังกล่าว แต่อย่างไรก็ดีจะเห็นว่าเงินที่มีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ มากที่สุดคือ ยูโร เพราะมีสัดส่วนในตระกร้าเงิน 57.6% และรองลงมาคือเยน ญี่ปุ่นและ ปอนด์ อังกฤษ ตามลำดับ
โดยทั้งนี้จะเห็นว่าตระกร้าเงินดอลลาร์มีความผูกผันกับค่าเงินถึง 6 สกุลหลัก แต่มีความผูกผันถึง 20 เนื่องจากกลุ่มประเทศยุโรปที่ใช้เงินสกุลยูโรมีถึง 15ประเทศ
ดัชนีนี้ ได้มีการเริ่มต้นคำนวณมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 ที่ดัชนี 100 ซึ่งเคยปรับตัวขึ้นสูงสุดราว 160 และต่ำสุดที่ 70.698 ในวันที่ 16 มี.ค. 2008 ซึ่งทั้งนี้ดัชนีนี้ ได้มีการซื้อขายในตลาด IntercontinentalExchange ที่นิวยอร์ค โดยจะเริ่มทำการซื้อขายตั้งแต่ เย็นวันอาทิตย์ (16.00 น.เวลานิวยอร์ค) ตลอด24ชั่วโมงถึงวันศุกร์เย็น (16.00 น. นิวยอร์ค)
โดยสูตรการคำนวนมีดังนี้
USDX = 50.14348112 × EURUSD^(-0.576) × USDJPY^(0.136) × GBPUSD^(-0.119) × USDCAD^(0.091) × USDSEK^(0.042) × USDCHF^(0.036)