สรุปภาพรวม
แม้นักลงทุนต่างชาติ ยังคงเป็นผู้ขายสุทธิต่อเนื่อง ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่จะเห็นได้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มเห็นการชะลอตัวของการขาย จากนักลงทุนต่างชาติแล้ว ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า หากแรงขายนักลงทุนต่างชาติ หมดลงเมื่อไร จะเริ่มเห็นการดีดกลับ ของ SET index อีกครั้ง โดยจุดยืนยันการกลับตัวนั้นอาจต้องดูแนวต้านที่ 710จุดเป็นสำคัญ ซี่งอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของดัชนี โดยตรงคือแรงขายหุ้นของ กลุ่ม PTT ที่มีทั้ง PTT, PTTEP, PTTCH, TOP, PTTAR จะเห็นได้ว่าหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ ถูกขายอย่างหนักในช่วง 2เดือนที่ผ่านมา แต่จะเริ่มเห็น การแกว่งตัวออกด้านข้างในสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน จากข่าวการซื้อหุ้นคือในกลุ่มนี้ ดังนั้น จึงเป็นไปได้ว่า การชะลอตัวของดัชนี และการซื้อกลับของหุ้นในกลุ่มนี้ จะเป็นตัวผลักดันให้เกิด Sentiment เชิงบวกให้กับนักลงทุน
ประเด็นที่น่าจับตา
1.ปริมาณการซื้อขาย ของตลาดรวม มีการหดตัวอย่างมาก นั้นหมายถึงความไม่แน่ใจของนักลงทุนว่าจะเลือกข้างไปในทิศทางใด ดังนั้นจุดนี้จะเป็นการยืนยันการกลับตัวอีกครั้ง หากปริมาณการซื้อกลับมีปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นเรื่อยๆ
2.ราคาน้ำมันดิบเริ่มมีการประคองตัว โดยอาจมีการดีดกลับระยะสั้นในสัปดาห์นี้ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือ 133 เหรียญดอลลาร์ต่อบาเรลได้ อาจจะทำให้เราได้เห็นราคาน้ำมัน ต่ำกว่า 120เหรียญในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และดัชนีตลาดรวม ที่มีโอกาสปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดใหม่ได้เช่นกัน
3.ค่าเงินบาท ทรงตัว แต่สัญญาณ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมีแนวโน้มว่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นและทำสถิติใหม่ โดยจะสังเกตจากการอ่อนตัวของราคาทองคำโลก ดังนั้น หากค่าเงินบาท อ่อนตัวมากกว่า 33.80เมื่อไหร่จะส่งผลให้แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ยังคงมีต่อเนื่องและกลับมาขายหนักอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน
ตลาดอาจมีการดีดกลับในสัปดาห์นี้ จากแรงขายหุ้นที่น้อยลง โดยหุ้นขนาดใหญ่อย่างธนาคาร การเงิน อสังหาและกลุ่มรับเหมา จะยังคงมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ โดยการยืนยันการเปลี่ยน Trend ต้องดูแนวต้านระดับ 710จุดเป็นสำคัญ รวมถึงการซื้อขาย ควรมากกว่า 25,000ล้านบาท
ซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้ว่าหุ้นที่ดูแข็งแกร่งสุดใน i-chart SET50 ณ ตอนนี้ คือ BH โดยมีกรอบ follow buy คือ 38, target 45 , stoploss 35
ส่วนภาพรวมหุ้นใน i-chart SET50 ยังคงอยู่ใน Zone D เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งหมายความว่ายังเป็นตลาด ในช่วง Bearish Zoneอยู่ ดังนั้น หากตลาดเริ่มมีการปรับตัวเป็นขาขึ้น อาจให้จะเลือกหุ้นที่เริ่มมีการดีดตัวขึ้นก่อน โดยการสังเกตราคาหุ้นที่ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 สัปดาห์และ 10สัปดาห์ ได้แก่ LH, PS, AMATA, KBANK, SCB, BBL
หุ้นทีมีการย้าย Zone ในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
Positive Momentum
Zone A ได้แก่ ไม่มี
Zone B ได้แก่ BH
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone A และ B ล้วนเป็นหุ้นที่น่าจับตา สำหรับการลงทุน
Negative Momentum
Zone C ได้แก่ ไม่มี
Zone D ได้แก่ HANA, DTAC
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone C และ D คือหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน หรือขายทำกำไร
Download ตาราง i-Chart SET50 01Aug08.pdf (200.98 KB)
คำแนะนำ
หุ้นที่เพิ่งมีการเปลียน ข้าม Zone มักจะเป็นการปรับตัวต่อเนื่องระดับกลาง ซึ่งอาจเกิด Momentum ต่อเนื่อง ได้อย่างน้อย 3 สัปดาห์
(Positive Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งย้าย Zone มาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเกิดภาพในเชิงบวก โดยสามารถซื้อถือ ระยะกลาง ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาจากกราฟทางเทคนิค หรือประเมิณสัญญาณ indicator จากตาราง i-Technical SET50 ได้
A หรือ B เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านบวก เช่น D->A, A->B, C->B
(Negative Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งมีการเปลียนย้าย Zone มาอยู่ใน Zone ลบ จะสามารถทำให้เกิดแรงขายต่อเนื่องได้ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นดังกล่าว หรือ อาจขายเพิ่อ Short sell หรือ switch เปลี่ยนตัวเล่น
C หรือ D เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านลบ เช่น A->D, B->C,C->D
นิยาม ตาราง i- Chart SET50
คือ ตารางที่ดูแนวโน้มการเคลื่อนที่ของหุ้นใน SET50 ว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด ว่าจะเป็นขาขึ้น หรือขาลงด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยการใช้สัญญาณ indicator ต่างๆ เพื่อบอกทิศทางและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซี่งจะใช้ข้อมูลระดับสัปดาห์มาเป็นตัวกำหนด โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกหุ้น ที่อยู่ในแนวโน้มต่างๆจาก STOCK TIME ZONE แบบ A, B, C, D และยังสามารถดูข้อมูลอื่นประกอบ เช่น Price over, Sma cross ที่จะบอกถึงความเชื่อมั่นที่ดี หากเป็น +
Zone A คือ หุ้นที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของขาขึ้น พร้อมจะปรับตัวขึ้นแรงหาก MACD Cross Zero line แล้วข้ามเป็น Zone B (เป็นช่วงสะสมหุ้น,หรือหาจังหวะซื้อ) ซึ่งบางกรณีอาจเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ได้หากราคาหุ้นปัจจุบัน ยังปรับตัวลงต่อ แต่ในความหมายของ Zone A นี้หมายความว่าแรงขายเริ่มลดน้อยถอยลง และมีโอกาสที่จะปรับเป็นขาขึ้นในไม่ช้า
Zone B คือ หุ้นที่เป็นขาขึ้นในระดับ Bullish (สภาวะกระทิง)ซึ่งนักลงทุนจะมีความมั่นใจและหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งสามารถถือหุ้น และซื้อเก็งกำไรได้(Trading Buy)
Zone C คือ หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง และควรทำกำไร เพราะหุ้นได้อยู่ในแนวโน้มขาลงแล้ว หรือควรเปลี่ยนตัวเล่น (Reduce, Switch)
Zone D คือ หุ้นที่ยังคงแนวโน้มขาลง ซึ่งยังคงปรับตัวลงลึกรอที่จะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง (Buy on weekness, Accumulate)
คำนิยามและความหมาย
1) Stock = คือหุ้นจาก SET50 2) Last Trade (Close price, Change price, % change) = ราคาปิดของสัปดาห์, การเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาและเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลง 3) Volume Monitor (Volume W,Volume average 5W) = ปริมาณการซื้อขายของจำนวนหุ้นในสัปดาห์, ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยใน5สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเครื่องหมาย(+,-) เป็นการบอกว่ามีปริมาณการซื้อขายหุ้นสัปดาห์นั้นมากกว่าหรือน้อยกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย5สัปดาห์ ***(จำนวนเต็มต้องคูณด้วย 1,000หุ้น) 4) Momentum Play (Simple Moving Average 5 weeks[Sma 5W], Simple Moving Average 10 weeks [Sma 10W],Price Over 5 W,Price Over 10 W,Sma cross, RSI Week, SMA 5 weeks ของ RSI (RSI SMA5W) ,MACD cross, Bullish or Bearish) = สัญญานทางเทคนิคที่บอกทิศทางของหุ้นว่ามีแนวโน้มขึ้น (+)หรือลง(-) อย่างไร โดยจะมีการเรียงสัญญาณทางเทคนิคตาม ความไวของสัญญาณ ตั้งแต่ Price over 5W. หรือ 10W.ราคาปิดที่มากกว่าราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์ หรือ10สัปดาห์ สัญญานเป็น(+) หมายถึงแนวโน้มขึ้น , SMA cross ราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์สูงกว่าราคาเฉลี่ย10สัปดาห์ บอกถึงทิศทางขาขึ้น สัญญานเป็น+ , ส่วนสัญญาน MACD ที่เป็น+ เกิดจากค่าของเส้น MACD Line มากกว่าค่าของ Signal Line, และค่าMACD Line ที่มากกว่าศูนย์บอกถึงสภาวะหุ้นตัวนั้นว่าเป็นสภาวะกระทิง (Bullish) หรือสภาวะหมี (Bearish) หากค่าต่ำกว่าศูนย์ 5) TIME ZONE = บอกถึงสภาวะของหุ้นตัวนั้นว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด 6) Last Zone=สภาวะหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอยู่โซนใด,Pres.Zone = Present Zone สภาวะหุ้นในสัปดาห์ปัจจุบัน 7) 52-weeks Range = ช่วงราคาที่สูงที่สุดและต่ำที่สุดในรอบ 52 สัปดาห์