ตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยตลาดหุ้นอเมริกายังคงมีความผันผวนจากข่าว ความกังวลจากสถาบันการเงินต่างๆ ที่ยังคงมีการแจ้งข่าวร้าย เกี่ยวกับความมั่นคงจากสถานะทางการเงิน ซึ่งแม้ว่าจะมีข่าวการอัดฉีดเงินเข้าระบบเพื่อสร้างสภาพคล่องก็ตาม แต่ก็คงเป็นเพียงแค่การประคองดัชนีไม่ให้เกิด ภาพลบเท่านั้น
ซึ่งภาพแนวโน้มทางเทคนิค ณ ปัจจุบัน มีความเป็นไปได้อยู่สูงมาก ว่า ดัชนีตลาดหุ้นอเมริกาและตลาดหุ้นทั่วโลก มีโอกาสปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ กว่ารอบการอ่อนตัวในช่วงเดือนม.ค. ซึ่งการปรับตัวลงในรอบนี้จะส่งผลให้เกิดการปรับตัวลงต่อเนื่องได้มากกว่า 3 สัปดาห์เลยทีเดียว
โดยความกังวลของสภาวะตลาดในปัจจุบัน ยังคงถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ ซึ่งได้ส่งผลให้ สินค้า โภคภัณฑ์ เช่น โลหะ และทองคำปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อต้นทุนอุตสาหกรรมต่างๆ และปัจจุบันจะเห็นว่าค่าเงินเยนของญี่ปุ่นได้แข็งค่าต่อเนื่อง ทำสถิตติใหม่ ที่ระดับ 99เยนต่อ ดอลลาร์สหรัฐ หรือแข็งค่ากว่า 6% เมื่อเทียบกับต้นเดือนมี.ค.ที่ ค่าเงินเยนอยู่ที่ 105 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งปัจจัยนี้ จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น นิเคอิ และการเกิดสภาวะการขายหุ้นเพื่อชดเชย Yen carry trade
ซึ่งประเด็นที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือ
1. นักลงทุนต่างชาติ เริ่มชะลอแรงขายอีกครั้ง หลังจากมีแรงขายหุ้นในช่วง2สัปดาห์ก่อนหน้า โดยจะเห็นว่าสภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก จะอ่อนตัวแต่ตลาดหุ้นไทย ยังมีความแข็งแกร่งกว่าตลาดอื่น
2. มีการขึ้นเครื่องหมาย XD จำนวนมาก กับหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวในสัปดาห์นี้ เช่น PTTAR, PTT, PTTCH, SCCC ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อดัชนี SET index ได้
กลยุทธ์การลงทุน
แม้ว่าแรงขาย จากนักลงทุนต่างประเทศ จะมีน้อย แต่ตลาดหุ้นไทยก็ยังไม่มีข่าวปัจจัยบวกใด ในช่วงนี้ ซึ่งเราเชื่อว่าดัชนี ในสัปดาห์นี้ยังคงมีแนวโน้มการอ่อนตัวได้อีก โดยการอ่อนตัวหลุดต่ำกว่า 805จุด จะทำให้เกิดแรงขายอย่างต่อเนื่องถึง 790จุด และ 750จุดเป็นแนวถัดไป ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ แนะนำ เล่นหุ้นขนาดเล๊กได้ ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ อาจต้องลดสัดส่วนการลงทุน และรอดูจังหวะการลงทุนอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
หุ้นทีมีการย้าย Zone ในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
Positive Momentum
Zone A ได้แก่ ไม่มี
Zone B ได้แก่ ไม่มี
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone A และ B ล้วนเป็นหุ้นที่น่าจับตา สำหรับการลงทุน
Negative Momentum
Zone C ได้แก่ DELTA, MAKRO, ADVANC, BANPU
Zone D ได้แก่ SCCC, BAY
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone C และ D คือหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน หรือขายทำกำไร
คำแนะนำ
หุ้นที่เพิ่งมีการเปลียน ข้าม Zone มักจะเป็นการปรับตัวต่อเนื่องระดับกลาง ซึ่งอาจเกิด Momentum ต่อเนื่อง ได้อย่างน้อย 3 สัปดาห์
(Positive Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งย้าย Zone มาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเกิดภาพในเชิงบวก โดยสามารถซื้อถือ ระยะกลาง ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาจากกราฟทางเทคนิค หรือประเมิณสัญญาณ indicator จากตาราง i-Technical SET50 ได้
A หรือ B เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านบวก เช่น D->A, A->B, C->B
(Negative Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งมีการเปลียนย้าย Zone มาอยู่ใน Zone ลบ จะสามารถทำให้เกิดแรงขายต่อเนื่องได้ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นดังกล่าว หรือ อาจขายเพิ่อ Short sell หรือ switch เปลี่ยนตัวเล่น
C หรือ D เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านลบ เช่น A->D, B->C,C->D
Download ตาราง i-Chart SET50 14Mar08.pdf (200.89 KB)
นิยาม ตาราง i- Chart SET50
คือ ตารางที่ดูแนวโน้มการเคลื่อนที่ของหุ้นใน SET50 ว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด ว่าจะเป็นขาขึ้น หรือขาลงด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยการใช้สัญญาณ indicator ต่างๆ เพื่อบอกทิศทางและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซี่งจะใช้ข้อมูลระดับสัปดาห์มาเป็นตัวกำหนด โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกหุ้น ที่อยู่ในแนวโน้มต่างๆจาก STOCK TIME ZONE แบบ A, B, C, D และยังสามารถดูข้อมูลอื่นประกอบ เช่น Price over, Sma cross ที่จะบอกถึงความเชื่อมั่นที่ดี หากเป็น +
zone A คือ หุ้นที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของขาขึ้น พร้อมจะปรับตัวขึ้นแรงหาก MACD Cross Zero line แล้วข้ามเป็น Zone B (เป็นช่วงสะสมหุ้น,หรือหาจังหวะซื้อ) ซึ่งบางกรณีอาจเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ได้หากราคาหุ้นปัจจุบัน ยังปรับตัวลงต่อ แต่ในความหมายของ Zone A นี้หมายความว่าแรงขายเริ่มลดน้อยถอยลง และมีโอกาสที่จะปรับเป็นขาขึ้นในไม่ช้า
zone B คือ หุ้นที่เป็นขาขึ้นในระดับ Bullish (สภาวะกระทิง)ซึ่งนักลงทุนจะมีความมั่นใจและหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งสามารถถือหุ้น และซื้อเก็งกำไรได้(Trading Buy)
zone C คือ หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง และควรทำกำไร เพราะหุ้นได้อยู่ในแนวโน้มขาลงแล้ว หรือควรเปลี่ยนตัวเล่น (Reduce, Switch)
zone D คือ หุ้นที่ยังคงแนวโน้มขาลง ซึ่งยังคงปรับตัวลงลึกรอที่จะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง (Buy on weekness, Accumulate)
คำนิยามและความหมาย
1) Stock = คือหุ้นจาก SET50 2) Last Trade (Close price, Change price, % change) = ราคาปิดของสัปดาห์, การเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาและเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลง 3) Volume Monitor (Volume W,Volume average 5W) = ปริมาณการซื้อขายของจำนวนหุ้นในสัปดาห์, ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยใน5สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเครื่องหมาย(+,-) เป็นการบอกว่ามีปริมาณการซื้อขายหุ้นสัปดาห์นั้นมากกว่าหรือน้อยกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย5สัปดาห์ ***(จำนวนเต็มต้องคูณด้วย 1,000หุ้น) 4) Momentum Play (Simple Moving Average 5 weeks[Sma 5W], Simple Moving Average 10 weeks [Sma 10W],Price Over 5 W,Price Over 10 W,Sma cross, RSI Week, SMA 5 weeks ของ RSI (RSI SMA5W) ,MACD cross, Bullish or Bearish) = สัญญานทางเทคนิคที่บอกทิศทางของหุ้นว่ามีแนวโน้มขึ้น (+)หรือลง(-) อย่างไร โดยจะมีการเรียงสัญญาณทางเทคนิคตาม ความไวของสัญญาณ ตั้งแต่ Price over 5W. หรือ 10W.ราคาปิดที่มากกว่าราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์ หรือ10สัปดาห์ สัญญานเป็น(+) หมายถึงแนวโน้มขึ้น , SMA cross ราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์สูงกว่าราคาเฉลี่ย10สัปดาห์ บอกถึงทิศทางขาขึ้น สัญญานเป็น+ , ส่วนสัญญาน MACD ที่เป็น+ เกิดจากค่าของเส้น MACD Line มากกว่าค่าของ Signal Line, และค่าMACD Line ที่มากกว่าศูนย์บอกถึงสภาวะหุ้นตัวนั้นว่าเป็นสภาวะกระทิง (Bullish) หรือสภาวะหมี (Bearish) หากค่าต่ำกว่าศูนย์ 5) TIME ZONE = บอกถึงสภาวะของหุ้นตัวนั้นว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด 6) Last Zone=สภาวะหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอยู่โซนใด,Pres.Zone = Present Zone สภาวะหุ้นในสัปดาห์ปัจจุบัน 7) 52-weeks Range = ช่วงราคาที่สูงที่สุดและต่ำที่สุดในรอบ 52 สัปดาห์