ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงแกว่งตัวอย่างไร้ทิศทาง โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ยังชะลอ การลงทุน รอดูสัญญาณทางตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริการ รวมถึงสัญญาณทางเทคนิคของ ดัชนี ดาวโจนส์ที่สร้างรูปแบบกรอบสามเหลี่ยม ขนาดใหญ่เพื่อเลือก การทะลุกรอบด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลต่อจิตวิทยา ในการลงทุนของตลาดอื่นๆ ด้วยเช่น กัน โดยการเลือกขึ้นจะส่งผลทางบวก แต่หากมีการปรับตัวลงแรงอีกครั้ง อาจทำให้ตลาดหุ้นอื่นๆ ปรับตัวลงได้ด้วยเช่นกัน
Downjone กำลังรอการทะลุกรอบสามเหลี่ยม โดยสัญญาณ MACD กำลังเคลื่อนตัวขึ้นยืนเหนือเส้น Zero line
แต่อย่างไรก็ดี จากตาราง i-chart SET50 จะเห็นว่าเริ่มมีหุ้นหลายตัว ส่งสัญญาณเขาสู่ momentum บวก บ้างแล้ว จากการที่หุ้นใน SET 50 เริ่มย้ายเข้าสู่ Zone A และ B โดยประเด็นที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้คือ
1.แรงขายของนักลงทุนต่างชาติ เริ่มชะลอตัว หลังจากมีแรงซื้อต่อเนื่องในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
2.ค่าเงินบาทแข็งค่าทำสถิติใหม่ โดยหากแข็งค่ามากกว่า 32.10บาทต่อดอลลาร์ จะส่งผลให้อ่อนตัวต่อเนื่องได้อีกถึง 31.5บาท เป็นแนวต้านถัดไป
3.บริษัทจดทะเบียน จะส่งงบไตรมาสที่ 4 ปี 2550 และ งบประจำปี50 ภายในสิ้นสัปดาห์นี้ ดังนั้นบริษัทที่ส่งงบช้า ส่วนใหญ่ผลประกอบการจะไม่ค่อยดี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อดัชนีได้
4. ตลาดหุ้นไทยยังคงค่อยปรับตัวขึ้น เพื่อจะทำให้เกิดภาพสัญญาณทางเทคนิคในเชิงบวก โดยจุดสนับสนุน อาจต้องดูปริมาณการซื้อขายเป็นสำคัญพร้อมการ Confirm จากสัญญาณ MACD ในระดับ Week ว่าจะสามารถยืนเหนือ Zeroline อีกครั้งได้หรือไม่
5.สัปดาห์นี้จับตาหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งตอนนี้หุ้นกลุ่ม PTT ส่วนใหญ่กำลังสร้างรูปแบบการ Break กรอบสามเหลี่ยม โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศผลประกอบการพร้อมแจ้ง การจายเงินปันผลบ้างแล้ว ซึ่งการยกตัวด้วยแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ SET ขึ้นต่อได้ ไม่งั้นก็จบรอบ
หุ้นทีมีการย้าย Zone ในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
Positive Momentum
Zone A ได้แก่ SET,TDEX, S50U08, S50Z08, HANA, SCC
Zone B ได้แก่ MCOT,KK, CPN
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone A และ B ล้วนเป็นหุ้นที่น่าจับตา สำหรับการลงทุน
Negative Momentum
Zone C ได้แก่ ไม่มี
Zone D ได้แก่ ไม่มี
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone C และ D คือหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน หรือขายทำกำไร
คำแนะนำ
หุ้นที่เพิ่งมีการเปลียน ข้าม Zone มักจะเป็นการปรับตัวต่อเนื่องระดับกลาง ซึ่งอาจเกิด Momentum ต่อเนื่อง ได้อย่างน้อย 3 สัปดาห์
(Positive Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งย้าย Zone มาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเกิดภาพในเชิงบวก โดยสามารถซื้อถือ ระยะกลาง ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาจากกราฟทางเทคนิค หรือประเมิณสัญญาณ indicator จากตาราง i-Technical SET50 ได้
A หรือ B เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านบวก เช่น D->A, A->B, C->B
(Negative Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งมีการเปลียนย้าย Zone มาอยู่ใน Zone ลบ จะสามารถทำให้เกิดแรงขายต่อเนื่องได้ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นดังกล่าว หรือ อาจขายเพิ่อ Short sell หรือ switch เปลี่ยนตัวเล่น
C หรือ D เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านลบ เช่น A->D, B->C,C->D
Download ตาราง i-Chart SET50 22Feb08.pdf (200.61 KB)
นิยาม ตาราง i- Chart SET50
คือ ตารางที่ดูแนวโน้มการเคลื่อนที่ของหุ้นใน SET50 ว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด ว่าจะเป็นขาขึ้น หรือขาลงด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยการใช้สัญญาณ indicator ต่างๆ เพื่อบอกทิศทางและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซี่งจะใช้ข้อมูลระดับสัปดาห์มาเป็นตัวกำหนด โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกหุ้น ที่อยู่ในแนวโน้มต่างๆจาก STOCK TIME ZONE แบบ A, B, C, D และยังสามารถดูข้อมูลอื่นประกอบ เช่น Price over, Sma cross ที่จะบอกถึงความเชื่อมั่นที่ดี หากเป็น +
zone A คือ หุ้นที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของขาขึ้น พร้อมจะปรับตัวขึ้นแรงหาก MACD Cross Zero line แล้วข้ามเป็น Zone B (เป็นช่วงสะสมหุ้น,หรือหาจังหวะซื้อ) ซึ่งบางกรณีอาจเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ได้หากราคาหุ้นปัจจุบัน ยังปรับตัวลงต่อ แต่ในความหมายของ Zone A นี้หมายความว่าแรงขายเริ่มลดน้อยถอยลง และมีโอกาสที่จะปรับเป็นขาขึ้นในไม่ช้า
zone B คือ หุ้นที่เป็นขาขึ้นในระดับ Bullish (สภาวะกระทิง)ซึ่งนักลงทุนจะมีความมั่นใจและหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งสามารถถือหุ้น และซื้อเก็งกำไรได้(Trading Buy)
zone C คือ หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง และควรทำกำไร เพราะหุ้นได้อยู่ในแนวโน้มขาลงแล้ว หรือควรเปลี่ยนตัวเล่น (Reduce, Switch)
zone D คือ หุ้นที่ยังคงแนวโน้มขาลง ซึ่งยังคงปรับตัวลงลึกรอที่จะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง (Buy on weekness, Accumulate)
คำนิยามและความหมาย
1) Stock = คือหุ้นจาก SET50 2) Last Trade (Close price, Change price, % change) = ราคาปิดของสัปดาห์, การเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาและเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลง 3) Volume Monitor (Volume W,Volume average 5W) = ปริมาณการซื้อขายของจำนวนหุ้นในสัปดาห์, ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยใน5สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเครื่องหมาย(+,-) เป็นการบอกว่ามีปริมาณการซื้อขายหุ้นสัปดาห์นั้นมากกว่าหรือน้อยกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย5สัปดาห์ ***(จำนวนเต็มต้องคูณด้วย 1,000หุ้น) 4) Momentum Play (Simple Moving Average 5 weeks[Sma 5W], Simple Moving Average 10 weeks [Sma 10W],Price Over 5 W,Price Over 10 W,Sma cross, RSI Week, SMA 5 weeks ของ RSI (RSI SMA5W) ,MACD cross, Bullish or Bearish) = สัญญานทางเทคนิคที่บอกทิศทางของหุ้นว่ามีแนวโน้มขึ้น (+)หรือลง(-) อย่างไร โดยจะมีการเรียงสัญญาณทางเทคนิคตาม ความไวของสัญญาณ ตั้งแต่ Price over 5W. หรือ 10W.ราคาปิดที่มากกว่าราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์ หรือ10สัปดาห์ สัญญานเป็น(+) หมายถึงแนวโน้มขึ้น , SMA cross ราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์สูงกว่าราคาเฉลี่ย10สัปดาห์ บอกถึงทิศทางขาขึ้น สัญญานเป็น+ , ส่วนสัญญาน MACD ที่เป็น+ เกิดจากค่าของเส้น MACD Line มากกว่าค่าของ Signal Line, และค่าMACD Line ที่มากกว่าศูนย์บอกถึงสภาวะหุ้นตัวนั้นว่าเป็นสภาวะกระทิง (Bullish) หรือสภาวะหมี (Bearish) หากค่าต่ำกว่าศูนย์ 5) TIME ZONE = บอกถึงสภาวะของหุ้นตัวนั้นว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด 6) Last Zone=สภาวะหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอยู่โซนใด,Pres.Zone = Present Zone สภาวะหุ้นในสัปดาห์ปัจจุบัน 7) 52-weeks Range = ช่วงราคาที่สูงที่สุดและต่ำที่สุดในรอบ 52 สัปดาห์