as of 13 Feb 08
Down load บทความฉบับเต็มได้ที่นี่ คลิ๊ก
บนสมมุติฐาน การปรับตัวลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ปลายปีที่ผ่านมา จากบทวิเคราะห์เรื่อง World Market Turn to downtrend ที่เขียนไว้ในบทความของ InvestorChart.com จะเห็นว่าตลาดหุ้นโลกเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงไปแล้ว จากการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค และเนื่องด้วยจากกระแสการชะลอตัว ทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา และความกังวล ต่อวิกฤติ Sub prime ซึ่งทำให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงรุนแรง ในระดับลดลงตั้งแต่ 15-30% เลยทีเดียว โดยนับแต่ช่วงเดือน พ.ย. 50 ที่ผ่านมา
ซึ่งจากความกังวลต่อตลาดหุ้นทั่วโลก นี้จึงเป็นเหตุ ที่ทำให้ เฟดประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉิน ก่อนการประชุมจริง ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยลงที่ 0.75 และ 0.5% ในช่วง 2 สัปดาห์ จึงทำให้นักลงทุน เริ่มคลายความวิตกกังวล และทำให้ดัชนีตลาดหุ้นโลก ได้เคลื่อนตัวออกด้านข้างเป็นลักษณะ Sideway
โดยเมื่อวิเคราะห์ดูปัจจัยการวิเคราะห์ทางเทคนิค กับข่าวการลดดอกเบี้ย ณ ช่วงเวลาเดียวกัน จะเห็นได้ว่าข่าวและการรีบาวด์ตลาดหุ้น นั้นได้สอดคล้องกัน ที่ทำให้เกิดจากการดีดกลับทางเทคนิคได้ เนื่องด้วย ณ ตอนนั้น ตลาดหุ้นหลายตัว ได้ปรับตัวลึกลงมาในระดับ Oversold โดยจะสังเกตจากค่า RSI ในระดับ Day ว่าต่ำกว่า ระดับ 30 กันเกือบทุกตลาด
แต่เมื่อพิจารณการดีดกลับของตลาดหุ้น ณ ปัจจุบัน หลายตัว แม้มีการรีบาวด์เกิดขึ้นแล้ว
แต่การเคลื่อนที่ของราคาหุ้น เริ่ม ไม่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันเท่าไร
โดยสมมุติฐานจิตวิทยาการลงทุน การปรับตัวลงของตลาดในรอบนี้ จะเห็นว่า
ขั้นที่ 1 การปรับตัวลงครั้งแรก นั้น เกิด จากความกังวลเท่ากัน คือจิตวิทยามวลชน ที่เกิดจาก ภาพรวมทางเศรษฐกิจโลก (หรือ Macro Sentiment) ซึ่งทำให้เกิดแรงขาย ในช่วงเวลาเดียวกัน โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดไปแล้ว ในช่วงปลายปี 50และต้นปี ที่ผ่านมา
ขั้นที่ 2 หลังจากนั้น เมื่อฝุ่น หายคลุ้ง ผู้คนตั้งสติ เหล่าบรรดาผู้จัดการกองทุน ต้องมาพิจารณา จัดสรรสินทรัพย์การลงทุนใหม่ ว่าจะย้ายเงินไปทางไหน หรือตลาดหุ้นไหนดี ดังเช่น ณ ภาวะตลาดตอนนี้ ที่ ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเคลื่อนที่ Sideway และกำลังเลือกว่าจะไปทางใดทางหนึ่ง โดยแต่ละตลาดหุ้น อาจเคลื่อนที่ไม่เหมือนกันได้
โดยสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ แนวพักตัวขนาดใหญ่ ของตัวเลขสำคัญของ Fibonacci
ซึ่งเมื่อได้เปรียบเทียบภาพแนวโน้มระยะยาวขนาดใหญ่ในระดับ Month ก็จะเห็นว่าการดีดกลับ ของตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในรอบนี้ นั้น ได้เกิดจากการที่หุ้นปรับตัวลง ถึง ระดับ ตัวเลข Fibonacci ที่ -38.2% โดยเป็นการตียอดจากจุดต่ำสุดและจุดสูงสุด ในรอบของแนวโน้มขนาดใหญ่ นับแต่ช่วง ปี2002-2003 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดหุ้นขาขึ้นของตลาดหุ้นในหลายประเทศ ดังจะเห็นได้จากภาพ

ตลาดหุ้น อเมริกา Down Jone ที่ลงมาทดสอบ -38.2% แล้ว เด้ง หรือคิดเป็นการปรับตัวลง มาเท่ากับ 61.8% ของดัชนีจากจุดต่ำสุดถึงจุดสูงสุด (สามารถ ดูรูปภาพตลาดหุ้นอื่นได้ใน บทวิเคราะห์ฉบับเต็ม)
นั่นหมายความว่าดัชนีหุ้นโลกอยู่ในช่วงการพักตัว รอการทำจุดต่ำสุดใหม่ หรือ การปรับตัวขึ้นจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง เพื่อเลือกการขึ้นหรือลง ในกรอบ Fibonacciโดย เราเคยให้คำแนะนำว่า ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ ได้เปลี่ยนกรอบไปในแนวโน้มขาลงไปแล้ว ดังนั้น การรีบาวด์ครั้ง นี้ หากหมดแรง ซื้อ ก็จะเกิดแรงขายซ้ำอีกครั้งในไม่ช้า เพียงแต่ ...
เมื่อเรามาพิจารณาการปรับตัวของหุ้นรอบนี้ จะเห็นได้ว่า ตลาดหุ้นโลกได้มีการปรับลงลึกที่ไม่เท่ากัน ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแรงของตลาดหุ้นในแต่ละประเทศ โดยสมมุติฐาน จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคมี2 กลุ่มดังนี้ คือ
กลุ่มที่1 ตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาได้แก่ตลาดหุ้น Down Jone, Nasdaq, จีน, ไต้หวัน, ญี่ปุ่น อังกฤษ, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศษ เป็นต้น โดยมีสมุติฐานการปรับตัวลงในรูปแบบใกล้เคียงกัน คือมีการปรับตัวลงลึกทดสอบระดับแนวรับของ Fibonacci ที่ 38.2% ไปแล้ว นั่นหมายความว่า หากตลาดหุ้นอเมริกา ลงแรงตลาดหุ้นเหล่านี้จะลงแรงตามในอัตราส่วนที่ใกล้เคียงกัน
กลุ่มที่2 ตลาดหุ้นบางตลาดที่ อาจได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจของอเมริกา แต่ยังคงรักษาระดับแนวโน้ม momentum ที่อยู่ในเชิงบวกอยู่ได้ โดยปรับตัวลงมาไม่ถึงระดับ 38.2% ได้แก่ ไทย, เกาหลี, อินเดีย อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เยอรมัน

บทสรุป
ตลาดหุ้นโลก ณ ตอนนี้ แม้ได้รับผลกระทบ จากปัจจัยเศรษฐกิจของอเมริกา ที่เหมือนกัน แต่ อาจไม่ส่งผลกระทบต่อดัชนีหุ้นของแต่ละประเทศได้เท่ากัน
ซึ่งประเทศไทย ก็อยู่ในกลุ่มที่ แข็งแรง กว่าตลาดหุ้นอื่นๆ นั่นหมายถึง เมื่อภาวะตลาดเข้าสู่ความสงบนิ่ง หรือ ฝุ่นเริ่มหายคลุ้ง เหล่าผู้จัดการกองทุนทั่วโลก ก็จะพิจารณาว่าตลาดใด ที่น่าจะปลอดภัย กว่าตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศ ข้อที่ 1 (กลุ่มแนวโน้มลงเท่าอเมริกา) ซึ่งหลังจากนี้ไป แม้เงินทุน ไหลออกไปยังตราสารอื่นๆ ก็ตาม แต่ เรายังเชื่อว่า จะมีกระแสเงินลงทุนในหุ้น จากประเทศกลุ่ม 1 เข้ามาสู่ตลาดหุ้นในกลุ่มที่ 2 แทน ซึ่งจะส่งผลบวกต่อประเทศดังกล่าว
@ ซึ่ง ณ ตอนนี้ บทสรุปนี้ ยังไม่จบ ยังคงต้องติดตาม แนวโน้มของตลาด ต่อๆไป ว่าจะจบลงรูปแบบใด แล้ว ผมจะมาวิเคราะห์ให้ฟัง ในครั้งต่อไป ครับ
ขอให้โชคดี ในการลงทุนทุกท่าน หรือ email คุยกันได้ที่ dr_morky@InvestorChart.com
สามารถ Down load บทความฉบับเต็มได้ที่นี่ คลิ๊ก World Market Trend Part II (Amazing Fibonacci).pdf (455.74 KB 13.02.2008 17:41)