as of 10 Feb 08
Download บทความเต็ม พร้อมรูปภาพ Fund Flow Foriegn 10 Feb 08.pdf (286.66 KB)
บรรยากาศ ตลาดหุ้นในช่วงนี้ยังคงแกว่งตัวผันผวน แม้การลงทุนในสัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติ ด้วยมูลค่าสุทธิกว่า 20,000ล้าน นับเป็นมูลค่าที่สูงมากในช่วง 6เดือนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ดี เรายังไม่สามารถฟังธงได้ว่าตลาดกลับตัวจริงจากนักลงทุนต่างชาติได้ หรือ

ซึ่งจากภาพซ้ายบนจะเห็นว่ามีการซื้อหุ้นกลับของนักลงทุนต่างชาติครั้งแรกในวันที่ 25 ม.ค.51 ด้วยมูลค่าเล็กน้อยที่ 313ล้านบาทและมีปริมาณการซื้อสุทธิมากทีสุด ในวันที่ 1 ก.พ. 51 ด้วยมูลค่าสูงถึง 8,202ล้านบาท ซึ่งนับได้ว่าเป็นการซื้อสะสมสุทธิที่ 21,393ล้านบาท จนถึงปัจจุบัน ส่วนภาพกลางจะเป็นการซื้อขายสุทธิของนักลงทุน สถาบัน ส่วนภาพขวาจะเป็นการซื้อขายสุทธิของนักลงทุนในประเทศ
โดยเราเชื่อว่า การซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติเกิดขึ้นจริง ซึ่งจะเห็นได้จากยอดปริมาณซื้อสะสมมากที่สุด เรียงตามโบรกเกอร์ จะเห็นว่า JPM (เจพีมอแกนส์) ซื้อสะสมสุทธิมากที่สุด ที่ 3,942ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี UBS, CLSA, CS ซึ่งล้วนแล้วแต่ เป็นโบรกเกอร์ต่างชาติ 100% ซึ่งหมายถึงคำสั่งซื้อเกิดจากนักลงทุนต่างชาติจริง เพียงแต่เงินลงทุนนี้จะอยู่ระยะสั้นหรือยาวขนาดไหน
โดยประเด็นที่น่าจับตา ที่ส่งผลต่อการซื้อหุ้นกลับของนักลงทุนต่างชาติคือ
1. การแข็งค่าของค่าเงินบาท ที่ทำสถิติใหม่ ที่ 32.85บาท ต่อดอลลาร์ หรือแข็งค่ามากสุดในรอบ 10 ปีเลยทีเดียว และยังมีแนวโน้มที่จะแข็งค่าต่อเนื่องในปีนี้
2. การซื้อหุ้นกลับ เพื่อ Cover short จากการขายอย่างหนักที่ทำให้ตลาดปรับตัวลงต่อเนื่องกว่า 200จุด จากจุดยอดที่ 924.7 จุด และปรับตัวลงมาต่ำสุดที่ 728.58จุด ซึ่งการดีดกลับอาจมอง ได้ว่าเป็นการดีดกลับทางเทคนิค จากสัญญาณ RSI ที่ต่ำกว่า 30 ที่เป็นระดับ Oversold โดยมีจุดแนวดีดกลับสำคัญบริเวณ จุดต่ำเก่าของ RSI ที่ บริเวณค่า 27 ซึ่งเห็นได้จากใน Chart ด้านล่าง
และเมื่อเราตีกรอบ ของ Fibonacci จากจุดยอดถึงจุดต่ำจะเห็นว่าดัชนี ดีดกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านที่ 50% หรือ ครึ่งหนึ่งของการลง 1รอบที่ 826จุด และยังอยู่ในกรอบ Side way
3. เป็นการซื้อหุ้นพื้นฐานดีราคาต่ำ เพื่อรับปันผลในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ซึ่งจากบทความเรื่องหุ้น Dividend จะเห็นว่ามีหุ้นที่ให้ปันผลสูงมากกว่า 5% ไม่ต่ำกว่า 20ตัว โดยแรงซื้อที่มีมากผิดปรกตินี้ อาจเพราะเป็นช่วงเทศกาลหยุดยาวของ ตลาดหลักทรัพย์ในเอเซีย ช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งจะทำให้การส่งคำสั่งซื้อขาย จากประเทศที่เป็นตัวแทนซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ไม่สามารถ ส่งคำสั่งได้ เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ จึงทำให้ มีปริมาณคำสั่งซื้อจำนวนมาก ก่อนปิดวันหยุดยาว
ดังนั้น เราเชื่อว่า SET index จะยังคงผันผวนอยู่ในกรอบ 780-820 จุด ซี่งการทะลุกรอบใดกรอบหนึ่งจะเป็นการ confirm ถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นต่อไป โดยจะส่งผลให้เกิด momentum ที่ทำให้ดัชนีเคลือนต่ออย่างน้อยอีก 40จุด คือบริเวณ 860จุด และ 740จุดเป็นแนวต้านระยะกลาง
ซึ่งกลยุทธ์การลงทุน ในช่วงนี้ คือต้องคิดให้ทันนักลงทุนต่างประเทศ ว่าการถือครองหุ้น ในช่วงนี้ เป็นแบบระยะสั้นหรือระยะยาว โดยอาจต้องเลือกหุ้นที่ เกี่ยวข้องกับเงื่อนไขดังกล่าวคือ หุ้นที่กองทุนต่างชาติ เคย ขายออกมามาก และ มีแนวโน้มจะกลับมาถือหุ้นใหม่อีกครั้ง หรือหุ้นที่จ่ายปันผลสูงเมื่อเทียบกับราคาปัจจุบันที่ ยังไม่สูงมาก
ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทย จะมีจุดแนวต้านสำคัญอีกครั้ง ดังรูปด้านล่างคือ 820จุด และ 860จุด
นอกจากนี้เมื่อเราวิเคราะห์ภาพรวม Fund Flow ของการซื้อสุทธิ หรือขายสุทธิ ของนักลงทุน ต่างชาติ ในแต่ละรอบ มักมีสัดส่วนเป็น ค่าของ Fibonacci ดังนั้น เราสามารถประเมิณ คร่าวๆ ได้ว่า การซื้อหุ้นของนักลงทุน ต่างชาติ อาจจะยังคงมีต่อเนื่อง และจะหยุดซื้ออีกครั้ง เมื่อซื้อสะสมหุ้นกลับ เท่ากับ 38.2% หรือ 50% จากยอดการขายต่อเนื่อง ในรอบทีผ่านมา ดังจะได้เห็นในรูป
ดังนั้นเราจึงประเมิณว่า
@ การซื้อหุ้น ต่อเนื่องถึง ระดับ 38.2% นั้นจะมีปริมาณการซื้อสุทธิ ได้อีกประมาณ 14,500 ล้านบาท
@ การซื้อหุ้น ต่อเนื่องถึง ระดับ 50% นั้นจะมีปริมาณการซื้อสุทธิ ได้อีกประมาณ 25,600 ล้านบาท
ซึ่งการซื้อสะสมของนักลงทุนต่างชาติ เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว อาจจะเป็นจังหวะหนึ่งที่นักลงทุนควรให้ความระมัดระวัง ดังนั้น นักลงทุน อาจเน้นการขายทำกำไร ในช่วงดังกล่าว เพื่อดูสถานการณ์ว่าจะมีแรงซื้อต่อเนื่องอีกครั้งหรือไม่
สอบถามข้อมูล หรือขอคำปรึกษา
dr_morky@InvestorChart.com
Download บทความเต็ม พร้อมรูปภาพ Fund Flow Foriegn 10 Feb 08.pdf (286.66 KB)