แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาว ยังคงอยู่ในสภาวะขาลง ตราบเท่าที่ SET index ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญได้ที่ 766 จุด และ 790จุด ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ดี ด้วยสภาวะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงมาแรง จึงสามารถทำให้ดัชนี เกิดการรีบาวด์ระยะสั้นได้
ซึ่งปัจจัยบวกโดยรวม ยังไม่มีข่าวบวกใดๆ ที่จะสะท้อนให้เห็นแรงซื้ออย่างชัดเจน แม้ว่า เฟดจะมีการประกาศลดดอกเบี้ยฉุกเฉินถึง 0.75% โดยนับเป็นการลดดอกเบี้ย แบบshock ตลาด แต่ก็จะเห็นว่า ยังไม่มีภาพการกลับตัวที่ชัดเจนของตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งยังไม่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นใด
ดังนั้น เรายังเชื่อว่าดัชนี ยังเป็นลักษณะ Sideway ในสัปดาห์นี้ ซึ่งจุดสังเกตคือ แรงดีดกลับในหุ้น กลุ่มพลังงาน และ ธนาคารจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ดังนั้น หากดัชนีหุ้นตันสัปดาห์จะมีแรงขายก็ต้องดูแรงขายจากกลุ่มเหล่านี้เป็นหลัก
ประเด็นที่น่าจับตา
1.นักลงทุนต่างชาติมีการซื้อสุทธิ 313ล้านบาทในวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นการซื้อครั้งแรกของปีนี้ โดยการซื้อที่จะจะนับว่าเป็นการซื้อที่ต่อเนื่อง ได้นั้นต้องมีการซื้ออย่างน้อย 3วันต่อกันด้วยปริมาณที่มากขึ้นจึงเป็นการยืนยันถีงการซื้อหุ้นที่แท้จริงของนักลงทุนต่างประเทศ
2.ค่าเงินเยน เริ่มทรงตัว แต่อย่างไรก็ดี ราคาทองคำได้ทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยนับเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเงิน ดอลลาร์จะมีการอ่อนค่าทำสถิติใหม่ในเร็วนี้เช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลให้เงินบาท และเงินเยนแข็งค่าขึ้นอีก
กลยุทธ์การลงทุน
เน้นเล่นรอบหุ้นในระยะสั้นถึงกลางสำหรับหุ้นที่มีปัจจัยเสียงต่ำด้าน การปรับตัวลง โดยดูจากหุ้นที่มี RSI ที่มีค่าต่ำ พร้อม pattern การปรับตัวขึ้น ได้แก่ หุ้น HANA, SCIB, KK,THAI,TUF, BECL, KTB, CPF
ส่วนหุ้นที่มีค่า RSI เกิดสัญญาณ เชิงบวกได้ BANPU, KK, MCOT รอจังหวะ Follow buy
หุ้นทีมีการย้าย Zone ในสัปดาห์นี้เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว
Positive Momentum
Zone A ได้แก่ ไม่มี
Zone B ได้แก่ ไม่มี
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone A และ B ล้วนเป็นหุ้นที่น่าจับตา สำหรับการลงทุน
Negative Momentum
Zone C ได้แก่ ไม่มี
Zone D ได้แก่ SCIB, PS, CCET, AMATA, MAKRO, SCB, PTT
หุ้นที่เพิ่งย้ายเข้า Zone C และ D คือหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน หรือขายทำกำไร
คำแนะนำ
หุ้นที่เพิ่งมีการเปลียน ข้าม Zone มักจะเป็นการปรับตัวต่อเนื่องระดับกลาง ซึ่งอาจเกิด Momentum ต่อเนื่อง ได้อย่างน้อย 3 สัปดาห์
(Positive Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งย้าย Zone มาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเกิดภาพในเชิงบวก โดยสามารถซื้อถือ ระยะกลาง ซึ่งนักลงทุนอาจพิจารณาจากกราฟทางเทคนิค หรือประเมิณสัญญาณ indicator จากตาราง i-Technical SET50 ได้
A หรือ B เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านบวก เช่น D->A, A->B, C->B
(Negative Momentum) คือหุ้นที่เพิ่งมีการเปลียนย้าย Zone มาอยู่ใน Zone ลบ จะสามารถทำให้เกิดแรงขายต่อเนื่องได้ ซึ่งควรหลีกเลี่ยงลงทุนในหุ้นดังกล่าว หรือ อาจขายเพิ่อ Short sell หรือ switch เปลี่ยนตัวเล่น
C หรือ D เพิ่งมีการเปลี่ยน Zone ในด้านลบ เช่น A->D, B->C,C->D
Download ตาราง i-Chart SET50 25Jan08.pdf (200.25 KB)
นิยาม ตาราง i- Chart SET50
คือ ตารางที่ดูแนวโน้มการเคลื่อนที่ของหุ้นใน SET50 ว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด ว่าจะเป็นขาขึ้น หรือขาลงด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วยการใช้สัญญาณ indicator ต่างๆ เพื่อบอกทิศทางและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซี่งจะใช้ข้อมูลระดับสัปดาห์มาเป็นตัวกำหนด โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกหุ้น ที่อยู่ในแนวโน้มต่างๆจาก STOCK TIME ZONE แบบ A, B, C, D และยังสามารถดูข้อมูลอื่นประกอบ เช่น Price over, Sma cross ที่จะบอกถึงความเชื่อมั่นที่ดี หากเป็น +
zone A คือ หุ้นที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของขาขึ้น พร้อมจะปรับตัวขึ้นแรงหาก MACD Cross Zero line แล้วข้ามเป็น Zone B (เป็นช่วงสะสมหุ้น,หรือหาจังหวะซื้อ) ซึ่งบางกรณีอาจเกิดสัญญาณ Bullish Divergence ได้หากราคาหุ้นปัจจุบัน ยังปรับตัวลงต่อ แต่ในความหมายของ Zone A นี้หมายความว่าแรงขายเริ่มลดน้อยถอยลง และมีโอกาสที่จะปรับเป็นขาขึ้นในไม่ช้า
zone B คือ หุ้นที่เป็นขาขึ้นในระดับ Bullish (สภาวะกระทิง)ซึ่งนักลงทุนจะมีความมั่นใจและหุ้นจะสามารถปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งสามารถถือหุ้น และซื้อเก็งกำไรได้(Trading Buy)
zone C คือ หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง และควรทำกำไร เพราะหุ้นได้อยู่ในแนวโน้มขาลงแล้ว หรือควรเปลี่ยนตัวเล่น (Reduce, Switch)
zone D คือ หุ้นที่ยังคงแนวโน้มขาลง ซึ่งยังคงปรับตัวลงลึกรอที่จะกลับเป็นแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้ง (Buy on weekness, Accumulate)
คำนิยามและความหมาย
1) Stock = คือหุ้นจาก SET50 2) Last Trade (Close price, Change price, % change) = ราคาปิดของสัปดาห์, การเปลี่ยนแปลงของราคาเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาและเปอร์เซ็นการเปลี่ยนแปลง 3) Volume Monitor (Volume W,Volume average 5W) = ปริมาณการซื้อขายของจำนวนหุ้นในสัปดาห์, ปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยใน5สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเครื่องหมาย(+,-) เป็นการบอกว่ามีปริมาณการซื้อขายหุ้นสัปดาห์นั้นมากกว่าหรือน้อยกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย5สัปดาห์ ***(จำนวนเต็มต้องคูณด้วย 1,000หุ้น) 4) Momentum Play (Simple Moving Average 5 weeks[Sma 5W], Simple Moving Average 10 weeks [Sma 10W],Price Over 5 W,Price Over 10 W,Sma cross, RSI Week, SMA 5 weeks ของ RSI (RSI SMA5W) ,MACD cross, Bullish or Bearish) = สัญญานทางเทคนิคที่บอกทิศทางของหุ้นว่ามีแนวโน้มขึ้น (+)หรือลง(-) อย่างไร โดยจะมีการเรียงสัญญาณทางเทคนิคตาม ความไวของสัญญาณ ตั้งแต่ Price over 5W. หรือ 10W.ราคาปิดที่มากกว่าราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์ หรือ10สัปดาห์ สัญญานเป็น(+) หมายถึงแนวโน้มขึ้น , SMA cross ราคาเฉลี่ย 5สัปดาห์สูงกว่าราคาเฉลี่ย10สัปดาห์ บอกถึงทิศทางขาขึ้น สัญญานเป็น+ , ส่วนสัญญาน MACD ที่เป็น+ เกิดจากค่าของเส้น MACD Line มากกว่าค่าของ Signal Line, และค่าMACD Line ที่มากกว่าศูนย์บอกถึงสภาวะหุ้นตัวนั้นว่าเป็นสภาวะกระทิง (Bullish) หรือสภาวะหมี (Bearish) หากค่าต่ำกว่าศูนย์ 5) TIME ZONE = บอกถึงสภาวะของหุ้นตัวนั้นว่าอยู่ในช่วงแนวโน้มแบบใด 6) Last Zone=สภาวะหุ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าอยู่โซนใด,Pres.Zone = Present Zone สภาวะหุ้นในสัปดาห์ปัจจุบัน 7) 52-weeks Range = ช่วงราคาที่สูงที่สุดและต่ำที่สุดในรอบ 52 สัปดาห์