คำถามว่าเมื่อไหร่หุ้นจะพักตัว เป็นคำถามที่นักลงทุนหลายคนอยากรู้
11 July 07
เหตุเพราะตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงในช่วง สองสัปดาห์ที่ผ่านมา เกินความคาดหมายของเหล่านักวิเคราะห์ด้วยกัน ดังนั้น ผมจึงได้หยิบยกประเด็นที่เป็นปัจจัยผลักดันที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรง ซึ่ง หลายท่าน ณ ตอนนี้ อาจจะขายหุ้นไปแล้วหรือ ยังถือหุ้นอยู่ ซึ่งหลายคนคงประเมิณราคาหุ้นจากบทวิเคราะห์ทางพื้นฐานไม่ได้ ณ ตอนนี้เพราะหุ้นหลายตัว วิ่งแรงแซงราคาเป้าหมายไปหมด แล้ว ดังนั้นตลาดแบบนี้ เขาเรียกว่า Super Bullish ซี่งมักจะเกิด จากความมั่นใจ หรือแรงซื้อจำนวนมากจากนักลงทุน ซี่งรอบนี้ คงไม่ต้องบอก ก็คงรู้ว่าเป็นพี่ฝรั่งของเรานี้เองที่ ซื้อกันหนักหน่วงต่อเนื่อง แล้วที่นี้ เหล่าน้องไทย จะทำอย่างไร หากมีหุ้นอยู่แล้วจะขายตอนไหน ส่วนพวกที่ ไม่มีหุ้นเพราะขายหุ้นไปแล้วจะทำอย่างไร
ดังนั้น ความสำคัญจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค จึงมีส่วนสำคัญมากทางกลยุทธ์ การลงทุน ซึ่งส่วนหนึ่งคงต้องบอกว่า รอขายแนวต้าน คงจะใช้ในกลยุทธ์ตลาดขาขึ้นแบบนี้ไม่ได้ เพราะหลายตัวทะลุแนวต้าน ทุกแนวไปแล้ว ดังนั้นการถือครองหุ้น ตราบเท่าที่หุ้นไม่หลุดเส้นค่าเฉลี่ย หรือ Trendline น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่า ส่วนการลดสัดส่วนเมื่อ indicator ระดับกลางและยาว อยู่ในช่วง พีค ก็อาจเป็นแนวทางหนึ่ง โดยปัจจุบัน อย่างเช่น RSI ของ SET index ระดับวันอยู่ใกล้ ที่บริเวณ 80 ก็หมายความว่าตลาดอาจพักตัวได้ตลอดเวลา
แต่อย่างไรก็ดี ภาพระยะยาว ระดับ week และ month ของ SET ยังมีแนวโน้มที่ดัชนีจะเห็น 1000จุดในปีนี้ ครับ
ส่วนจังหวะการลงทุน เมื่อดัชนีเกิดแรงขายพักตัว จากหุ้นขนาดใหญ่ ก็ต้องมองหาหุ้นขนาดกลางที่ยังปรับตัวไม่มากนัก ก็น่าจะเป็น จังหวะที่เหมาะสม ซึ่งวิธีหนึ่งก็คือต้องวิเคราะห์จากกราฟ ราคาหุ้นเป็นหลักครับ
สรุปภาพรวมตลาด จะเห็นว่าตลาดหุ้นไทย เริ่มมีแรงขายให้เห็นบ้างแล้ว จากความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐ ทีปรับตัวลงมาแรงในคืนวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกอ่อนตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ
แต่อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยังไม่มีแรงขายใดๆ ตราบเท่าที่เงินบาทยังคงแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงนี้ ซึ่งเราเชื่อว่า แนวโน้มตลาดหุ้นระยะกลางถึงยาว หุ้นไทย ยังคงดี ตราบเท่าเงื่อนไข 3 ประการคือ
1.ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากค่าเงินบาทในกราฟ yahoo.finance ใกล้ 31บาท ซึ่งบ่งชี้ถึงค่าเงินบาท ในต่างประเทศ (หรือ off shore) มีการแข็งค่าต่อเนื่อง ทำ new low ใหม่ จากสภาวะการอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์ และการแข็งค่าของเงินหยวน ซึ่งแม้มาตราการของของ ธนาคารประเทศไทย จะออกกฎมาสกัดกั้น แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงผลักดัน จากตลาดภายนอกได้ http://finance.yahoo.com/currency/convert?amt=1&from=USD&to=THB&submit=Convert
ซึ่งจะเห็นว่าค่าเงินบาทในประเทศก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน จากค่าเงินบาท on-shore นับแต่วันที่ 2 ก.ค อยู่ที่ 34.50 จนปัจจุบันแข็งค่า อยู่ที่ 33.20 บาท หรือ 3.2% และนี่คือสาเหตุหนึ่งที่นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อหุ้นไทยอย่างหนัก และมี Fund flow ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเป็นจำนวนมาก เกิดแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ และผลักดันดัชนีขึ้นไป
จะเห็นว่า ณ ช่วงตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวขึ้นแรงสามารถทะลุแนวต้านต้านบริเวณ 780จุดในช่วงต้นเดือนก.ค. นั้นอยู่ในจังหวะเดียวกับ Us Dollar Index ที่อ่อนตัวทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งได้ส่งผลต่อค่าเงินบาท แข็งค่าอย่างรวดเร็วหลุดกรอบ 34.50 บาทต่อดอลลาร์อย่างรวดเร็ว
ส่วนภาพนี้จะทำให้เห็นว่า ช่วงเงินบาทแข็งค่า เกิด Money flow เข้ามาในตลาดหุ้น ทำให้เกิดแรงซื้อจำนวนมากจากนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งจะเห็นว่าเพียงช่วงสองสัปดาห์มีแรงซื้อกว่า 23,000ล้านบาท
2. การสร้างจุดสูงสุดใหม่จากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวขี้นเหนือ 70ดอลาร์ต่อบาเรล และเกิดภาพแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวของราคาน้ำมันส่งผลให้หุ้นพลังงานปรับตัวขึ้นทำ new high ในหลายตัว ได้แก่ PTT, PTTEP, BANPU, TOP ดังนั้นหากยังไม่เกิดสัญญาณขายในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากการอ่อนตัวต่ำกว่า เส้นค่าเฉลี่ย 10วัน ก็ยังสามารถทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นต่อได้
โดยปัจจุบันแล้วหุ้นกลุ่มพลังงานเหล่านี้ มี มูลค่าต่อตลาดรวม กว่า 25% หรือ เท่ากับ 1ใน4 ของมูลค่าตลาดหุ้นไทย
3.สภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ปรับตัวขึ้นทำ จุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนโดยรวม ซึ่งส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยด้วยเช่นกัน หากเพียงแต่ ณ ภาพปัจจุบัน หาก ตลาด Dowjone อ่อนตัว หลุด แนวรับสำคัญทางเทคนิค (จากภาพด้านล่าง) หลุดแนวรับสำคัญที่บริเวณ 13,250จุด อาจเกิดภาพเชิงลบ และส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกได้เช่นกัน
ส่วนท่านใด ที่สนใจการอบรมการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.investorchart.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=418490&Ntype=2