สำหรับตลาดทุนบ้านเรา ผู้ที่มีบทบาท มากที่สุดสำหรับ การคุ้มครองสิทธิให้กับนักลงทุน นั้นคงจะเป็นใครไม่ได้นอกจาก ก.ล.ต. แต่จะมีใครเพียงกี่คนที่รู้ว่าบทบาทหน้าที่ของก.ล.ต. ทำอะไร บ้าง
เพราะก.ล.ต. เปรียบ เสมือนผู้รักษาผลประโยชน์ให้นักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทั้งหมด ไม่ว่าผู้ออกหลักทรัพย์ ที่ปรีกษา ตัวแทนนายหน้า นักลงทุน ต่างจะต้องถูกควมคุม ด้วยกฎหมายพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น การรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของก.ล.ต. ก็หมายถึง สิทธิที่นักลงทุนควรจะได้รับความคุ้มครองจากก.ล.ต. มีอะไรบ้าง ผมจึงหวังว่านักลงทุนจะได้รู้จัก ก.ล.ต. มากขึ้นจากบทความด้านล่างนี้ครับ
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.) ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2535 มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยทำหน้าที่หลักในการกำกับดูแลตลาดทุนไทย ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้กำหนดภารกิจหลักขององค์กรไว้ดังนี้ |
กำกับและพัฒนาตลาดทุนของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ยุติธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ
|
ภายใต้แผนกลยุทธ์ปี 2548 2550 ได้กำหนดทิศทางการดำเนินงานของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.โดยมุ่งเน้น 4 ด้านหลัก คือ
|
|
- อำนวยความสะดวกแก่ผู้ระดมทุนให้มีความสะดวกเข้าถึงตลาดทุนได้สะดวก และมีรูปแบบที่หลากหลาย
- พัฒนาระบบและกลไกในตลาดทุนให้น่าเชื่อถือ
- พัฒนาโครงสร้างตลาดทุนให้สมบูรณ์
- พัฒนาองค์กรให้มีความยุติธรรม โปร่งใส และทันสมัย
|
ความเป็นมา
แม้ว่าตลาดทุนมีบทบาทในระบบการเงินของประเทศโดยเป็นแหล่งระดมเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำแก่ภาคธุรกิจมานานแล้ว แต่ในอดีตการพัฒนาตลาดทุนได้มุ่งเน้นพัฒนาตลาดรอง ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายหลักทรัพย์เป็นหลัก ขาดการพัฒนาตลาดแรกซึ่งเป็นตลาดสำหรับหลักทรัพย์ออกใหม่เสนอขายต่อประชาชน ทำให้ตราสารทางการเงินซึ่งเป็นเครื่องมือระดมทุนในตลาดแรกไม่ได้มีการพัฒนาเท่าที่ควร ประกอบกับการกำกับดูแลตลาดทุนในขณะนั้นอยู่ภายใต้หลายหน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้การดำเนินงานซ้ำซ้อน ขาดความมีเอกภาพและการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่บทบาทของตลาดทุนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น เพื่อส่งเสริมตลาดทุนให้เติบโตและมีการพัฒนาไปในทิศทางที่เอื้อประโยชน์ต่อการระดมทุนและการลงทุน ทั้งตลาดแรกและตลาดรอง รวมถึงระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม โดยให้ธุรกรรมในตลาดทุนมีกฎหมายแม่บทรองรับ เอื้ออำนวยต่อการออกตราสารทางการเงินประเภทใหม่ ๆ และมีบทบัญญัติที่ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบที่ชัดเจน จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ) โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2535 และมีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.) ขึ้นเป็นองค์กรอิสระทำหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนโดยมี คณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นผู้กำหนดนโยบายการดำเนินงาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2546 ได้มีการออกพระราชบัญญัติสัญญาซื้อขายล่วงหน้า พ.ศ. 2546 เพื่อสร้างความชัดเจนทางกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและตัวกลางที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นผู้กำกับดูแลนโยบายและป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อตลาดทุนโดยรวม โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2547 เป็นต้นไป |
ภารกิจหลัก
สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีฐานะเป็นองค์กรของรัฐองค์กรหนึ่งซึ่งมีรายได้เป็นของตนเอง โดยส่วนหนึ่งมาจากค่าธรรมเนียมการพิจารณาคำขออนุญาตออกและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน ค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ เงินอุดหนุนรายปีจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอีกส่วนหนึ่งได้มาในรูปดอกผลจากทุนประเดิมของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต.
สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. มีเลขาธิการเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด รับผิดชอบในการดำเนินกิจการทั้งปวงของสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. จะดำเนินงานตามนโยบายที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดภายใต้ภารกิจ "กำกับและพัฒนาตลาดทุนของประเทศให้มีประสิทธิภาพ ยุติธรรม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ"
ในการดำเนินงานตามภารกิจดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้กำหนดวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินงานไว้ 4 ประการ คือ
1. พัฒนาตลาดทุนให้เป็นทางเลือกที่มีความสำคัญสำหรับผู้ระดมทุนและผู้ลงทุน
2. เสริมสร้างระบบและกลไกเพื่อช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับความคุ้มครองและสามารถปกป้องตนเองได้
3. ดูแลรักษาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความมั่นใจ เชื่อถือในกลไกการทำงานของตัวกลาง และองค์กรต่าง ๆ ในตลาดทุน
4. ดำรงความเป็นองค์กรที่ซื่อตรง โปร่งใส เข้าใจธุรกิจ เท่าทันเหตุการณ์ และเป็นผู้รักษากฎหมายที่เข้มงวด และเป็นธรรม
ในการออกกฎเกณฑ์และกำหนดแนวทางการดำเนินงานเพื่อกำกับดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ยึดหลักการที่เน้นการส่งเสริมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และการแข่งขันของภาคเอกชนโดยคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นทั้งแก่ภาคเอกชนและระบบตลาดทุนโดยรวม การประเมินถึงต้นทุนและผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการกำกับดูแลก่อนที่จะนำเกณฑ์ออกใช้บังคับ การส่งเสริมให้ผู้บริหารของบริษัทมีความรับผิดชอบ และการส่งเสริมให้ผู้ลงทุนมีส่วนสำคัญในการปกป้องสิทธิและรับผิดชอบในการตัดสินใจของตนเอง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีการออกหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่จะนำออกใช้บังคับ สำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกัน และเพื่อแก้ไขอุปสรรคในเชิงปฏิบัติต่าง ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุนร่วมกัน
พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
เกี่ยวกับพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 (มาตรา 1 - มาตรา 7)
หมวด 1 การกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ส่วนที่ 1 คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (มาตรา 8 - มาตรา 16)
ส่วนที่ 2 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (มาตรา 17 - มาตรา 31)
หมวด 2 การออกหลักทรัพย์ของบริษัท
ส่วนที่ 1 การอนุญาตให้เสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ (มาตรา 32 - มาตรา 38)
ส่วนที่ 2 หุ้นกู้ (มาตรา 39 - มาตรา 40)
ส่วนที่ 3 การออกหุ้นกู้มีประกัน (มาตรา 41 - มาตรา 49)
ส่วนที่ 4 การจัดทำทะเบียนและการโอน (มาตรา 50 - มาตรา 55)
ส่วนที่ 5 การเปิดเผยข้อมูลและผู้สอบบัญชี (มาตรา 56 - มาตรา 62)
หมวด 3 การเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน (มาตรา 63 - มาตรา 89)
หมวด 4 ธุรกิจหลักทรัพย์
ส่วนที่ 1 การจัดตั้งและการออกใบอนุญาต (มาตรา 90 - มาตรา 93)
ส่วนที่ 2 การกำกับและควบคุม (มาตรา 94 - มาตรา 111)
ส่วนที่ 3 การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ (มาตรา 112 - มาตรา 113)
ส่วนที่ 4 การค้าหลักทรัพย์ (มาตรา 114)
ส่วนที่ 5 การเป็นที่ปรึกษาการลงทุน (มาตรา 115)
ส่วนที่ 6 การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (มาตรา 116)
ส่วนที่ 7 การจัดการกองทุนรวม (มาตรา 117 - มาตรา 132)
ส่วนที่ 8 การจัดการกองทุนส่วนบุคคล (มาตรา 133 - มาตรา 140)
ส่วนที่ 9 การเพิกถอนใบอนุญาตและการเลิกบริษัท (มาตรา 141 - มาตรา 152)
หมวด 5 ตลาดหลักทรัพย์
ส่วนที่ 1 การจัดตั้ง (มาตรา 153 - มาตรา 158)
ส่วนที่ 2 คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ (มาตรา 159 - มาตรา 177)
ส่วนที่ 3 การดำเนินงาน (มาตรา 178 - มาตรา 188)
ส่วนที่ 4 หลักทรัพย์จดทะเบียน (มาตรา 189 - มาตรา 200)
ส่วนที่ 5 การชี้ขาดข้อพิพาทเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (มาตรา 201 - มาตรา 203)
หมวด 6 ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์และศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ล่วงหน้า
ส่วนที่ 1 ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ (มาตรา 204 - มาตรา 217)
ส่วนที่ 2 ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ล่วงหน้า (มาตรา 218)
หมวด 7 องค์กรที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์
ส่วนที่ 1 สำนักหักบัญชี ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ และนายทะเบียนหลักทรัพย์ (มาตรา 219 - มาตรา 229)
ส่วนที่ 2 สมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ (มาตรา 230 - มาตรา 237)
หมวด 8 การกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ และการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ
ส่วนที่ 1 การป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ (มาตรา 238 - มาตรา 244)
ส่วนที่ 2 การเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ (มาตรา 245 - มาตรา 259)
หมวด 9 คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ (มาตรา 260 - มาตรา 261)
หมวด 10 การกำกับและควบคุม (มาตรา 262 - มาตรา 263)
หมวด 11 พนักงานเจ้าหน้าที่ (มาตรา 264 - มาตรา 267)
หมวด 12 บทกำหนดโทษ (มาตรา 268 - มาตรา 317)
หมวด 13 บทเฉพาะกาล (มาตรา 318 - มาตรา 344)
บทส่งท้าย
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
มีหน้าที่กำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุนของประเทศ โดยเป็นผู้กำหนดนโยบายและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ที่กำหนดใน พ.ร.บ. หลักทรัพย์ฯ และ พ.ร.บ.สัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งที่เป็นตัวแทนจากภาครัฐและเอกชนดังนี้
1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน
2. ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
3. ปลัดกระทรวงการคลัง
4. ปลัดกระทรวงพาณิชย์
5. ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยคำแนะนำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จำนวนไม่น้อยกว่า 4 คน แต่ไม่เกิน 6 คน โดยในจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย การบัญชี และการเงินด้านละ 1 คน
6. เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. เป็นกรรมการและเลขานุการ
ปัจจุบันคณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกอบด้วย 10 คนดังนี้
รายชื่อคณะกรรมการ ก.ล.ต.
(ข้อมูล ณ วันที่ 7 มีนาคม 2550)
ที่มา เวปไซด์ ก.ล.ต. http://www.sec.or.th/th/misc/sec/aboutsec/intro.shtml