เม็กซิโกสนับสนุนประชาชนลดใช้เงินสด เพื่อผลักดันการให้บริการทางการเงินอย่างทั่วถึงตามนโยบายแห่งชาติฉบับใหม่

- หนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในละตินอเมริการักษาแนวโน้มการขยายตัวต่อเนื่อง ด้วยการเข้าร่วมกับ The Better Than Cash Alliance ขององค์การสหประชาชาติ เพื่อสนับสนุนการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนอย่างทั่วถึง

รัฐบาลเม็กซิโกประกาศสานต่อความสำเร็จในการรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการดำเนินนโยบายการให้บริการทางการเงินอย่างทั่วถึง ด้วยการให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความสามารถของประชาชน ธุรกิจ และรัฐบาลในการชำระเงินและรับชำระเงินในรูปแบบดิจิทัล โดยเม็กซิโกจะขับเคลื่อนการเติบโตแบบทั่วถึง ส่งเสริมโอกาสให้กับผู้หญิง และเพิ่มอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ผ้านทางการเข้าร่วมเป็นสมาชิกกับ The Better Than Cash Alliance ขององค์การสหประชาชาติ

โลโก้ - http://photos.prnewswire.com/prnh/20120919/CG77018LOGO

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่รัฐบาลเม็กซิโกได้ ประกาศ นโยบายแห่งชาติว่าด้วยการให้บริการทางการเงินอย่างทั่วถึง หรือ National Policy on Financial Inclusion ซึ่งรวมถึงการผลักดันให้ประเทศใช้นวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงและลดการใช้เงินสด

รายงานจาก Moody"s Analytics เผยให้เห็นว่า การชำระเงินดิจิทัลได้ช่วยกระตุ้นจีดีพีของเม็กซิโกแล้วเป็นมูลค่าราว 8 พันล้านดอลลาร์ในระหว่างปี 2554-2558 ซึ่งบ่งชี้ว่ามีศักยภาพอย่างมากที่จะเติบโตได้อีก นอกจากนี้ผลการวิจัยที่จัดทำโดย The Better Than Cash Alliance ยังพบด้วยว่า การเปลี่ยนระบบการชำระเงินจากเงินสดไปเป็นดิจิทัลจะช่วยให้รัฐบาลเม็กซิโกประหยัดงบประมาณได้ประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

การประกาศเดินหน้าความพยายามในการลดการใช้เงินสดของเม็กซิโกมีขึ้น ในช่วงที่เศรษฐกิจของภูมิภาคละตินอเมริกาโดยรวมชะลอตัวลง โดยถึงแม้ว่าเศรษฐกิจของเม็กซิโกเป็นข้อยกเว้น ด้วยการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ผลการสำรวจของรัฐบาลเกี่ยวกับการให้บริการทางการเงินอย่างทั่วถึง (ENIF, 2558) พบว่ามีประชากรอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไปเพียง 44% เท่านั้นที่มีบัญชีธนาคารในเม็กซิโก อย่างไรก็ดี เม็กซิโกมีประชากร 120 ล้านคน และกว่า 107 ล้านคนมีโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการชำระเงินดิจิทัล อันจะนำไปสู่การให้บริการทางการเงินอย่างทั่วถึงในที่สุด

"การให้บริการทางเงินอย่างทั่วถึงนั้นสร้างโอกาสมหาศาลตรงหน้าเรา ซึ่งเราต้องคว้าเอาไว้เพื่อผลักดันนโยบายแห่งชาติฉบับใหม่ให้เดินหน้าต่อเนื่อง" ลูอิส วิเดกาเรย์ คาโซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและสินเชื่อสาธารณะของเม็กซิโกกล่าว "การใช้เทคโนโลยีชำระเงินดิจิทัลทั่วทุกหน่วยงานของรัฐบาลคือกุญแจสำคัญของนโยบายนี้ ขณะที่ผลประโยชน์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพและการประหยัดงบประมาณ ก็มีค่ามากเกินกว่าที่จะเพิกเฉยได้ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ The Better Than Cash Alliance จะช่วยผลักดันการดำเนินนโยบายและยุทธศาสตร์ของเราทั้ง National Policy on Financial Inclusion และ National Digital Strategy ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชีวิตของประชาชนทุกคนและสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบทั่วถึง"

ในปี 2556 รัฐบาลเม็กซิโกได้เปิดตัวยุทธศาสตร์ National Digital Strategy หรือ "Mexico Digital" ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา รัฐบาลจึงได้ใช้มาตรการต่างๆเพื่อลดการใช้เงินสด ซึ่งนับเป็นการวางรากฐานที่แข็งแกร่งไปสู่การขยายตัว ดังเห็นได้จากการทำธุรกรรมชำระเงินดิจิทัลผ่านทางบัญชี Treasury Single Account ของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นจาก 69 ล้านในปี 2556 เป็น 116 ล้านในปี 2558 การประกาศเข้าเป็นสมาชิกในวันนี้นับเป็นก้าวอันมั่นคงในการเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแกร่ง ซึ่งทุกๆคนจะสามารถชำระเงินและรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกได้อย่างง่ายดาย

"เมื่อครั้งที่เม็กซิโกเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม G20 ในปี 2555 รัฐบาลได้หยิบยกประเด็นการบริการทางการเงินอย่างทั่วถึงมาเป็นวาระสำคัญระดับโลก" ดร.รูธ กู้ดวิน-โกรน กรรมการผู้จัดการของ The Better Than Cash Alliance กล่าว "เม็กซิโกได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานในเรื่องของนวัตกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง และขณะนี้ เม็กซิโกได้ก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญในการดำเนินนโยบายแห่งชาติฉบับใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงวิธีการชำระเงินของประชาชน ส่งเสริมโอกาสให้กับประชาชนหลายล้านคนได้มีส่วนร่วมในเศรษฐกิจดิจิทัลแบบทั่วถึง และสร้างผลประโยชน์อื่นๆอีกมากมายให้กับประเทศ"