i-Home | i-About | i-Knowledge | i-Download | i-Webboard | i-Training | i-Gallery | i-Contact | i-FAQ |
เปิดกลยุทธ์เฟ้นหุ้น รวยแบบยั่งยืน ตามแนวรัฐบาลพอเพียง | |
เปิดกลยุทธ์เฟ้นหุ้น รวยแบบยั่งยืน ตามแนวรัฐบาลพอเพียง โปร่งใส -เป็นธรรม- ประหยัด- ประสิทธิภาพ เมื่อรัฐบาล ฒ.ผู้เฒ่า ประกาศขับเคลื่อนประเทศด้วยนโยบาย เศรษฐกิจพอเพียง หลายคนร้อง ว้า ด้วยอาการผิดหวัง (ปนเซ็ง) เนื่องจากไม่เข้าใจ ว่า เศรษฐกิจพอเพียงที่ ฒ.ผู้เฒ่า ท่านหมายถึงนั้นคืออะไร เพียงแต่ได้ยินคำว่า พอ เพียง ก็จินตนาการไปเองก่อนแล้วว่า ต้องดำเนินชีวิตอย่าง ตระหนี่ หรือ ค่อนไป ทาง เขียม จนหาความสุขทางโลกแทบไม่ได้ ซึ่งอันที่จริงหากเราเข้าใจหลักการที่ แท้จริงของเศรษฐกิจพอเพียงแล้ว แทนที่จะกังวล เรากลับจะมีความสุขยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ เนื่องจากความพอเพียงอันเป็นหัวใจแห่งความยั่งยืนจะช่วยชะลอความแก่ของ ประเทศชาติ หรือ แม้แต่ของโลกเลยทีเดียว ทุกวันนี้เราต่างก็ทราบดีอยู่แล้วว่า มหันตภัยที่เกิดจากธรรมชาติและที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการ พัฒนาแบบ ฉาบฉวย หรือ ใช้แล้วทิ้ง ทั้งนั้น ซึ่งหากไม่หาสิ่งใดมาชะลอไว้บ้าง โลกคงเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเป็นแน่ หลายคนสงสัยว่า ความพอเพียง กับ การลงทุนในตลาดหุ้น จะไปกัน ได้หรือ เนื่องจากแว่บแรกที่คนทั่วไปนึกถึงตลาดหุ้นย่อมมองเห็นภาพของการแก่ง แย่งแข่งขัน ชิงไหวชิงพริบ หรือโกหกหลอกลวงกันอลหม่าน แต่ในความเป็นจริงนั้น หลักแห่งความพอเพียงคืออาวุธที่จะช่วยให้นักลงทุนทั้งหัวดำ หัวทอง ขาใหญ่ ขา เล็ก หรือแม้แต่ขาลีบเอาชนะทะเลหุ้นอันมีแต่มรสุมได้อย่างยั่งยืนแถมไม่ต้องเป็นโรค เครียด หรือ โรคหัวใจด้วย ซึ่งมีเคล็ดลับสำคัญอยู่ที่กลยุทธ์การเลือกเฟ้นหุ้นตามแนว พอเพียงของรัฐบาล ฒ.ผู้เฒ่า อันควรเคารพยิ่งนั่นเอง รัฐบาล พันหกร้อยปี ของเราได้กำหนดหลักการบริหารประเทศไว้ 4 ประการ หรือ เรียกว่าหลัก 4 ป.ได้แก่ โปร่งใส เป็นธรรม ประหยัดและประสิทธิภาพ อันหลัก 4 ป.นี้ไม่เพียงแต่สามารถนำไปใช้ในการกำกับดูแลกิจการบ้านเมืองเท่านั้น แต่ยังสามารรถใช้เป็นกลยุทธ์การเลือกเฟ้นหุ้นที่จะช่วยให้ผ่านพ้นทุกมรสุมในตลาด หุ้นได้อีกด้วย ซึ่งมีข้อแม้ว่า ต้องเลือกหุ้นที่มีองค์ประกอบครบ 4 ประการตามหลัก บริหารบ้านเมืองของรัฐบาลพอเพียง จึงจะรับประกันความร่ำรวยแบบยั่งยืนได้ เริ่มจากหุ้นตัวนั้นต้องโปร่งใส ซึ่งถือเป็นหัวใจของหลักการ เฟ้นหุ้น รวยยั่งยืน หากการซื้อหุ้นคือการมีส่วนเป็นเจ้าของบริษัทย่อมสบายใจกว่าแน่ที่จะมี คนดีๆอยู่ในบริษัท และโดยเฉพาะบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผล ประโยชน์ของบริษัทซึ่งมีถือหุ้นน้อยใหญ่ร่วมเป็นเจ้าของยิ่งต้องเป็นคนมีคุณธรรม สูง วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีพอเพียงที่ประกาศบริจาคเงินกว่า 7 หมื่นล้าน เหรียญที่หามาได้ด้วยสติปัญญาและน้ำพักน้ำแรงเคยกล่าวไว้ว่า บริษัทที่ดีนั้นจะ บอกความจริงทุกอย่างกับคุณ นี่คือกฎทองแห่งการเฟ้นหาบริษัทที่โปร่งใส ซึ่งนักลง ทุนที่พอมีประสบการณ์ในตลาดหุ้นคงพอนึกออกว่า มีบริษัทใดบ้างที่มีความตรงไป ตรงมากับผู้ถือหุ้นกล้าบอกความจริงทั้งข่าวดีและข่าวร้าย รวมทั้งไม่เคยมีประวัติด่าง พร้อย ไม่เคยมีกรณีที่ผู้สอบบัญชีเกิดข้อกังขา ไม่เคยมีประวัติว่ากลต.ต้องเรียกให้ชี้ แจงข้อสงสัยต่างๆ และที่สำคัญคือเป็นบริษัทที่แทบจะไม่มีข่าวลือมาให้ขวัญหนีดีฝ่อ หรือดีใจจนขาดสติ อย่างไรก็ดี หากต้องการรวยยั่งยืน แม้เจอบริษัทที่มีน้ำงามอย่าง นี้ ก็อย่าเพิ่งด่วนซื้อ เนื่องจากยังมีคุณสมบัติอีก 3 ประการที่ต้องพิจารณาต่อไป เมื่อเจอบริษัทโปร่งใสแล้ว ไม่ควรด่วนสรุปว่านั่นเป็นบริษัทที่มีความ เป็นธรรมด้วย เนื่องจากความโปร่งใสกับความเป็นธรรมนั้นมีบางส่วนที่ยังเหลื่อมกัน อยู่ กล่าวคือบริษัทที่มีความโปร่งใสย่อมเปิดเผยข้อเท็จจริงต่างๆให้ผู้ถือหุ้นทราบ อย่างตรงไปตรงมาและสามารถตรวจสอบได้ แต่บางครั้งเมื่อเผชิญกับความยาก ลำบาก แม้จะยังคงความโปร่งใสไว้ได้ แต่กลับหาทางออกด้วยวิธีที่ทำให้ผู้ถือหุ้น เดือดร้อน เช่น บางบริษัทไม่เคยกระดากอายที่จะขอเพิ่มทุนบ่อยๆ หรือ บางบริษัทออกหุ้นเพิ่มทุนให้พันธมิตรใหม่ในราคาส่วนลด ขณะที่ยังมีอีกหลายบริษัท ที่มีกำไรแค่หยิบมือ แต่ผู้บริหารกินเงินเดือนเกือบจะสูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปี แถมไม่ เคยประกาศลดเงินเดือนตัวเองเสียที ปีเตอร์ ลินซ์ผู้สร้างตำนานไว้กับกองทุนฟิเด ลลิตี้แมคเจนแลนกล่าวว่า บริษัทที่ดีบางครั้งอาจมีความจำเป็นทางการเงิน แต่ทุก ครั้งเขาจะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นลำบาก บริษัทที่แม้จะโปร่งใสแต่สุดท้ายทำให้ผู้ถือหุ้น ลำบากและตกเป็นเหยื่อของการบริหารจัดการที่ล้มเหลวย่อมไม่มีทางอยู่ในพอร์ ตของนักลงทุนผู้หวังรวยแบบยั่งยืน หลักข้อที่ 3 สู่ความรวยแบบยั่งยืนคือ หลัก ป.ประหยัด เนื่องจากใน โลกธุรกิจไม่เพียงแต่จะเอาชนะกันในด้านนวัตกรรมและการครองส่วนแบ่งตลาดเท่า นั้น ต้นทุน ยังเป็นอีกหนึ่งสมรภูมิที่แต่ละบริษัทพยายามช่วงชิงความได้เปรียบเหนือ คู่แข่ง ต้นทุนที่ต่ำย่อมหมายถึงกำไรที่สูงต่อให้ยอดขายไม่สูงเท่าคู่แข่งแต่หากบริหาร กิจการจนมีต้นทุนต่ำกว่าใครย่อมดีกว่ามีรายได้มากแต่พอหักต้นทุนแล้วแทบไม่เหลือ กำไร การเฟ้นหุ้นที่มีต้นทุนต่ำนั้นต้องอาศัยการเปรียบเทียบระหว่างบริษัทใน อุตสาหกรรมเดียวกัน เช่น หลังจากที่ค้นพบหุ้นโปร่งใสและเป็นธรรมซึ่งอยู่ในธุรกิจ เดียวกันมาได้ 2 ตัว นักลงทุนที่มีเป้าหมายรวยแบบยั่งยืนต้องพิจารณาว่า หุ้นตัวใดมี อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจหลักสูงกว่า ขอเน้นว่าต้องตัดกำไรพิเศษออกไปก่อนเพื่อ ไม่ให้เกิดภาพลวงตา เท่านั้นยังไม่พอนักลงทุนที่ยึดแนวทางรวยแบบยั่งยืนยังต้อง เปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ หรือ ROA (Return on Asset) เพื่อดูว่า บริษัทใดมีความสามารถในการทำกำไรเหนือกว่า และหากไม่แน่ใจว่าเป็นบริษัทที่ ประหยัดและไม่ทำอะไรเกินตัวจริงต้องดูที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หรือ D/E (Debt/Equity) ประกอบด้วย แถมด้วยอีกหนึ่งเคล็ดลับที่จะประเมินอุดมการณ์ ประหยัดของบริษัทรวยยั่งยืน นั่นคือต้องเลือกบริษัทที่ไม่มีนโยบายสร้างภาพซึ่งเป็น การผลาญเงินของผู้ถือหุ้นดีดีนั่นเอง ดังเช่นครั้งหนึ่งที่ปีเตอร์ ลินซ์ได้กล่าวไว้ ว่า เหตุผลที่ผมไม่ซื้อ(หุ้น)บริษัทนี้ก็คือเขาใช้พื้นหินอ่อนจากอิตาลีและพรมเปอร์ เซียเกรดเอ มาถึงหลักการเฟ้นหุ้นรวยแบบยั่งยืนข้อสุดท้ายว่าด้วย ป.ประสิทธิภาพ ซึ่งในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานปีพ.ศ.2542 ให้ความหมายไว้ว่า ความ สามารถที่จะทำให้เกิดผลสำเร็จในการทำงาน เมื่อใช้ความหมายนี้ในการเฟ้นหุ้นมี ประสิทธิภาพคงจะช่วยให้พอแยกแยะออกว่า บริษัทใดมีแต่ความเพ้อฝันและบริษัท ใดคือ ของจริง ผลสำเร็จแห่งการทำงานนั้นย่อมหมายถึงการบรรลุเป้าหมายตามวิสัย ทัศน์ที่บริษัทวางไว้เป็นเข็มทิศชี้ทาง ขณะที่แนวทางหรือนโยบายการบริหารจัดการ นั้นคือเครื่องบ่งชี้ว่าบริษัทนั้นจะมีความสามารถในการไปสู่เป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ มากน้อยเพียงใด การวัประสิทธิภาพของบริษัทนั้นทำได้โดยการเปรียบเทียบความ จริงกับความฝันของบริษัท เริ่มจากไตร่ตรองดูวิสัยทัศน์ก่อนว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อทำให้ได้ จริงหรือพยายามขายฝัน จากนั้นให้พิจารณาสิ่งที่บริษัทเป็นอยู่ในปัจจุบันแล้ว วิเคราะห์ว่า บริษัทได้ดำเนินการในสิ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการไปสู่เป้าหมายนั้นๆ หรือไม่ เช่น บริษัทในอุตสาหกรรมอาหารรายหนึ่งมีวิสัยทัศน์ว่า ต้องการเป็นผู้ จำหน่ายอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเซีย ก็ให้ติดตามดูว่า บริษัทพยายาม ทำสิ่งที่จำเป็นต่อการบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยความทุ่มเทมากน้อย เพียงใด หากบริษัทดังกล่าวทุ่มงบลงทุนในด้านพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้ประเทศผู้นำเข้าทุกแห่งยอมรับ พร้อมกับศึกษาความเคลื่อนไหวของคู่แข่ง และติดตามความต้องการของผู้บริโภคอย่างใกล้ชิดก็นับได้ว่าเป็นบริษัทที่มี ประสิทธิภาพสูงแห่งหนึ่ง แต่หากบริษัทใช้เงินทุนไปกับการเข้าไปถือหุ้นนอก อุตสาหกรรมที่ตัวเองถนัดด้วยหวังรวยจากราคาในช่วงสั้นๆ ไม่เอาใจใส่กิจการหลักที่ มีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว หรือ ริข้ามห้วยไปสู่อุตสาหกรรมที่กำลังอยู่ในกระแสหาก เจอบริษัทที่ละทิ้งวิสัยทัศน์กลางคันแบบนี้ สรุปได้เลยว่า คณะผู้บริหารต้องเป็นพวก ไร้ประสิทธิภาพที่ชอบทำงานแบบกลัวเสียเหงื่อ นักลงทุนผู้ยึดแนวทางรวยแบบ ยั่งยืนพึงหลีกเลี่ยงบริษัทประเภทนี้อย่างยิ่ง ก่อนจะจากกันไปขอย้ำอีกครั้งว่า การเลือกหุ้นให้รวยอย่างยั่งยืนนั้น ต้องกลั่นกรองให้ดีเสมือนกระบวนการกรองน้ำสำหรับดื่มดับกระหายที่ต้องการความ สะอาด ดื่มแล้วไม่เป็นพิษต่อร่างกาย ดังนั้น ก่อนซื้อหุ้น หากไม่ต้องการหุ้นพิษที่เป็น โทษทั้งต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกระเป๋า ต้องบริหารกล้ามเนื้อสมองด้วยการนำหลัก การเฟ้นหุ้นรวยแบบยั่งยืนไปพิจารณาว่าหุ้นที่เลือกจะลงทุนนั้นมีคุณสมบัติ โปร่ง ใส เป็นธรรม ประหยัด และ ประสิทธิภาพครบถ้วนหรือไม่ และควรกำหนดเป็น วินัยเคร่งครัดว่า หากหุ้นที่อยากลงทุนมีคุณสมบัติขาดไปจากหลักดังกล่าวข้อใดข้อ หนึ่งต้องไม่เข้าไปแตะต้องเด็ดขาด เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าหุ้นที่มีองค์ประกอบไม่ ครบตามหลักการนี้จะก่อปัญหาอะไรบ้างในอนาคต ส่วนหุ้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตาม หลัก 4 ป.ที่กล่าวมานี้มีอยู่ในตลาดหุ้นของบ้านเราไม่น้อยทีเดียว และได้ทำให้นักลง ทุนที่มีวินัยหลายคนรวยแบบยั่งยืนไปแล้วหลายราย By : วรเชษฐ์ พันธ์ภูวงศ์ | |
ผู้ตั้งกระทู้ Somchai & Son :: วันที่ลงประกาศ 2006-11-01 13:51:29 IP : 58.136.71.197 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (713228) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2007-07-18 14:55:55 IP : 203.146.127.159 |
ความคิดเห็นที่ 2 (748551) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2007-08-24 17:13:42 IP : 203.146.127.179 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 611559 |