ซึ่งผมขอสรุปให้ดังนี้ ครับ

โดยบทวิเคราะห์กล่าวว่าตลาดหุ้นไทย ณ ตอนนี้ มีราคาหุ้นที่ถูกมาก คล้ายตลาดหุ้น เกาหลีในปี 2004 จากที่มีดัชนีต่ำสุดที่ 512จุดในเดือนเมษายน2004 จนสามารถทำ new high ต่อเนื่อง และได้ทำจุดสูงสุดที่ 1470จุด ดังนั้นตลาดหุ้นไทย ได้รับการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนเพิ่มขึ้นจากสภาวะหุ้นที่ถูกมากที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นใน ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging market) ซึ่งบทวิเคราะห์นี้เชื่อว่า ในปี 2550นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 1% ส่วนปัญหาของเศรษฐกิจไทยนั้นขึ้นอยู่กับ ความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งตลาดน่าจะซึมซับข่าวไปหมดแล้ว

ซึ่งทาง JP เชื่อว่า จากภาวะค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นมากกว่า 10% ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่หากเมื่อมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อรักษาระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพค่าเงินบาทจะกลับมาอีกครั้ง และทำให้ ณ เวลานี่ น่าที่จะเป็นจุดต่ำสุดของสภาวะเศรษฐกิจของไทย ที่สะท้อนถึงตลาดหุ้นไทยไปแล้ว

ดังนั้น JP morgan เน้นลงทุนหุ้นที่เป็นความต้องการภายในประเทศ ได้แก่หุ้นกลุ่มธนาคาร วัสดุก่อสร้าง กลุ่มรับเหมา และอสังหาริมทรัพย์ ส่วนรายละเอียดเป็นหุ้นต้วใด ลองเข้าไปอ่านกัน

ส่วนมุมมองทางเทคนิคนั้น

จะเห็นว่าวันนี้ดัชนีSETปรับตัวขึ้นบวก ในตอนเช้า จากสภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นบวก ซึ่งจะเห็นได้จากตลาดหุ้น ดาวโจนส์ และ แนสแดก ที่ปรับบวกขึ้นร้อนแรงหลังจาก

การคงอัตราดอกเบี้ยของ FED ไว้ที่ 5.25% ซึ่งก่อนหน้ามีการคาดการณ์ว่า การประชุมครั้งนี้อาจมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ จากสภาวะเงินเฟ้อของอเมริกาที่ยังคงมีอยู่สูง

ดังนั้นการคงอัตราดอกเบี้ย ไว้จึงยังเป็นผลดีของตลาดทุน ซึ่งส่งผลเป็นปัจจัยบวก