เปิดบัญชีหุ้น 19 อดีตรัฐมนตรีรัฐบาลทักษิณ ที่แจ้ง ป.ป.ช. ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 คูณราคาตลาดล่าสุด มีมูลค่าพอร์ตรวมกัน 2,200 ล้านบาท ยังไม่รวมหุ้นที่ลงทุนผ่าน "กองทุนรวม" ที่ลงทุนผ่าน "นอมินี" และส่วนที่โอนไปให้กับบุตรที่บรรลุนิติภาวะแล้ว

จากทั้งหมด 33 อดีตรัฐมนตรี..รัฐบาลทักษิณ (ก่อนสิ้นอำนาจ) พบ 19 รัฐมนตรี มีพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้น โดยบางคนมีพฤติกรรมการ "หากิน" จากตลาดหุ้นอย่างเอิกเกริก

ขณะที่เงินสดอีกจำนวนมากก็ยังถูกนำไปลงทุนในตลาดหุ้นเช่นกัน..เพียงแต่เป็นการลงทุนผ่านทางกองทุนต่างๆ และรัฐมนตรีส่วนใหญ่ยังมักจะเก็บบัญชีหุ้นไว้ในชื่อของ "เมีย" และ "ลูก"

นับได้ว่า สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ยังคงเป็นนักลงทุนขาใหญ่ประจำตลาดหุ้นอยู่เช่นเคย มูลค่าหลักทรัพย์ที่แจ้งไว้มีมูลค่ารวมกันกว่า 96.91 ล้านบาท แต่หากนับตามราคาล่าสุด มูลค่าพอร์ตจะสูงถึง 104.01 ล้านบาท

โดยหุ้นที่เขานิยมลงทุนด้วยชื่อตัวเองมาก จะให้น้ำหนักไปที่หุ้นใน "กลุ่มธนาคารพาณิชย์" ตั้งแต่ KBANK จำนวน 5.07 แสนหุ้น SCB จำนวน 4.35 แสนหุ้น BBL จำนวน 2 แสนหุ้น และยังมีหุ้น KK, ASP และ KGI อีกค่อนข้างมาก

นอกจากนี้บัญชีทรัพย์สินของสุริยะ ยังปรากฏชื่อหุ้น TMB และ THAI อยู่ในชื่อของ สุริสา จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ด้วยเช่นกัน

ถัดมาเป็น วิเศษ จูภิบาล ที่ยังคงลงน้ำหนักในหุ้น "กลุ่มพลังงาน" ตามความถนัด..และยังถือเป็นกลุ่มหุ้นที่เขาสามารถมีบทบาทต่อการขึ้นลงของราคาหุ้นได้โดยตรง ในฐานะ รมว.พลังงาน ..ซึ่งพอร์ตทั้งหมดตามที่แจ้งไว้มีมูลค่าถึง 44.97 ล้านบาท โดยเกือบทั้งหมดจะอยู่ในชื่อ สุปาณี จูภิบาล ภรรยา

รายชื่อหุ้นในพอร์ตมีตั้งแต่ PTT ซึ่งตัวนี้เขาตุนไว้ 1.84 แสนหุ้น นอกจากนั้นก็ยังมี PTTEP, PTTCH, TOP, RRC, BANPU และ BCP-DR1 ขณะที่หุ้น IRPC (ทีพีไอเดิม) ก็ตุนไว้ 8 หมื่นหุ้น

นอกจากนั้น ก็เป็นหุ้นเดินเรือ RCL และ TISCO อีกเล็กน้อย

ในจำนวนคณะรัฐมนตรีชุดดังกล่าว ต้องถือว่า ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย คือรัฐมนตรีที่มีจำนวนหุ้นมากที่สุดถึง 49 ตัว รวมของท่านผู้หญิง ดร.สุธาวัลย์ เสถียรไทย ภรรยา โดยมีหุ้นตัวหลักๆ คือ KBANK, SCB, PTTEP, PTTCH และ TRUE-F โดยยังมีการลงทุนกระจายในหุ้นอื่นๆ อีก นับรวมมูลค่าหุ้นในพอร์ตที่แจ้งไว้ได้ถึง 25.75 ล้านบาท มีแม้กระทั่งหุ้นปั่น-หุ้นเก็งกำไร

ขณะที่ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ มีหุ้นที่อยู่ในมือของ พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ ภรรยาทั้งหมด 15 ตัว อย่างเช่น SCC, VIBHA, SVH รวมถึงหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์อย่าง KBANK, BBL, KTB, TMB กลุ่มสื่อสารก็มี TRUE, SATTEL, และ SAMART เป็นต้น

โดยหุ้นปูนซิเมนต์ไทย มีน้ำหนักมากที่สุดในพอร์ต มีอยู่ 6 แสนหุ้น มีมูลค่าตลาด ณ ปัจจุบัน ตัวเดียวเกือบ 150 ล้านบาท

ทางด้าน ประชา มาลีนนท์ ที่ถือเป็น "คู่เกาเหลา" ของสุวัจน์ ซึ่งแม้จะชอบทำงานทับเส้นกัน ..แต่ก็ชอบเล่นหุ้นเหมือนกัน โดยเสี่ยประชาถือหุ้น 18 ตัว ผ่านมือของภรรยา แพตตรีเซีย แมรี่ แจ้งมูลค่าไว้กว่า 16 ล้านบาท

เช่นถือ IRPC (ทีพีไอเดิม) มีอยู่ 4.25 แสนหุ้น BEC มี 5 แสนหุ้น FNS 1 แสนหุ้น INOX ของ เสี่ยประยุทธ มหากิจศิริ 1 แสนหุ้น TMB 1 แสนหุ้น และ ASP 2 แสนหุ้น

นอกจากนี้ยังลงทุนผ่านกองทุนอเบอร์ดีน สยามลีดเดอร์ส อีก 7.83 ล้านบาท

ส่วน อนุทิน ชาญวีร***ล ทั้งเขาและ สนองนุช ชาญวีร***ล ภรรยา แจ้งมูลค่าเงินลงทุนในตลาดหุ้นไว้ถึง 1,857.80 ล้านบาท โดยล่าสุดมีมูลค่าตลาดลดลงเหลือ 1,716.22 ล้านบาท

โดยถือหุ้น STEC มากที่สุด 240 ล้านหุ้น มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท รองลงมา OHTL 166 ล้านบาท ZMICO 61 ล้านบาท ASL 20 ล้านบาท PHATRA 23 ล้านบาท และ CCP มูลค่า 15.50 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีเงินลงทุนผ่านทาง บลจ.กสิกรไทย และ บลจ.อยุธยา อีกเกือบๆ 60 ล้านบาท

ส่วน เนวิน ชิดชอบ ขุนศึกประจำกาย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็นิยมลงทุนในตลาดหุ้นอีกคน โดยหุ้นทั้งหมดเป็นการลงทุนผ่านภรรยา กรุณา ชิดชอบ ถือหุ้นอยู่ 3 ตัวหลักๆ คือ AKR, GLOW และ SATTEL โดยแจ้งมูลค่าหุ้นไว้ 6.74 ล้านบาท

ว่ากันว่า รายได้หลักๆ ของครอบครัวนี้จะมาจากงานรับเหมาของ "บริษัทเชียงใหม่ คอนสตรัคชั่น จำกัด" ซึ่งมีพ่อตา "คะแนน สุภา" เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงรับงานอยู่ทางภาคเหนือ

ขณะที่ขุนศึกอีกราย ยงยุทธ ติยะไพรัช แม้ไม่ค่อยมีชื่อในสังเวียนหุ้น แต่ก็ยังมีการลงทุนในตลาดพอหอมปากหอมคอ ผ่านทาง สลักจิตร ติยะไพรัช โดยมีหุ้นติดพอร์ตอยู่ 3 ตัว คือ BCP-DR1, SC และ SIM แจ้งมูลค่าไว้ 1.23 ล้านบาท

กันตธีร์ ศุภมงคล รายนี้ต้องถือว่า "รวยจริง" เพราะแจ้งมูลค่าทรัพย์สินไว้กว่า 4,606.94 ล้านบาท แม้สมบัติส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของที่ดิน แต่อดีต รมว.ต่างประเทศ ก็ยังนิยมเทรดหุ้นพอสมควร โดยมีมูลค่าพอร์ตรวมๆ ประมาณ 9.12 ล้านบาท..หุ้นหลักที่ติดพอร์ตไว้มีตั้งแต่ KBANK, BLS, POST และ INOX

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ เมื่อ 4 พฤษภาคม 2549 กันตธีร์มีหุ้น POST อยู่จำนวนถึง 2,567,220 หุ้น ขณะที่ล่าสุด (19 กันยายน 2549) แจ้ง ป.ป.ช. ไว้เพียง 272,852 หุ้นเท่านั้น

เจ๊หน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลงทุนในหุ้นเพียง 2 ตัวเท่านั้น คือ KBANK และ PL (ภัทรลิสซิ่ง) พร้อมกับแจ้งทรัพย์สินไว้ 853.28 ล้านบาท โดยเป็นที่ดินถึง 725 แปลง กับของสามี สมยศ ลีลาปัญญาเลิศ อีก 142 แปลง รวมมูลค่าเฉพาะที่ดินอย่างต่ำๆ ก็ 782.98 ล้านบาท

สำหรับ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศราง***ร ณ อยุธยา แม้มูลค่าพอร์ตหุ้นจะเพียงประมาณ 1.51 ล้านบาท แต่ก็มีหุ้นติดมือภรรยา วนิดา อิศราง***ร ณ อยุธยา อยู่ถึง 11 ตัว ซึ่งเกือบครึ่งจะมีภาพลักษณ์ไปในทางหุ้นการเมือง ตั้งแต่ ITV, WIN, ASL , JAS และ TMB

ขณะที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ, ไชยยศ สะสมทรัพย์, สมชาย สุนทรวัฒน์, จาตุรนต์ ฉายแสง, ดร.ทนง พิทยะ และ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีเหล่านี้ ก็จัดอยู่ในพวก "ฝักใฝ่" ลงทุนตลาดหุ้น แม้จะมีวงเงินลงทุนไม่มากก็ตาม

ในขณะที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร แจ้งไว้ว่ามีเงินลงทุนในตลาดหุ้นเพียง 2 บริษัท คือ VIBHA กับ SC มีมูลค่ารวมกัน 110 ล้านบาท แต่มีเงินลงทุนใน บลจ.กสิกรไทย 60.65 ล้านบาท กองทุนเปิดรวงข้าวทวิภาค 36.80 ล้านบาท และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์พันธบัตรรัฐบาล มูลค่า 506.59 ล้านบาท

ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แจ้งว่ามีเงินลงทุนในกองทุนต่างประเทศ MBI Investor LP มูลค่า 12.59 ล้านบาท โดยไม่มีเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทย

ที่มา นสพ Bizweek ฉบับวันที่ 17พ.ย.49