ReadyPlanet.com


จัดพอร์ต 'สินค้าเกษตร' โอกาสราคาจะ 'แรลลี่' อีกไกล


นาฏยา ปานเฟือง
หลังจากที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้เม็ดเงินลงทุนหรือฟันด์ โฟลว์ ต่างแสวงหาสินค้าใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าเงินลงทุน โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาเม็ดเงินลงทุนได้เข้าไปลงทุนในน้ำมันอย่างมาก ทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นมาตลอด

สุเมธ เหล่าโมราพร
กองทุนที่ลงทุนในซับไพรม์ขาดทุนอย่างหนัก จึงคาดว่ากองทุนพวกนี้จะหาโอกาสลงทุนใหม่ในคอมมอดิตี้ อย่างเช่น สินค้าธัญพืช ซึ่งราคาเพิ่งจะเริ่มปรับตัวขึ้น

-----------

วิศิษฐ์
การจัดสรรเงินลงทุนของพอร์ต ถ้าจะเพิ่มเงินลงทุนในสินค้าคอมมอดิตี้ ควรจะเป็นเพียง "สีสัน" ของพอร์ตมากกว่าให้น้ำหนักลงทุนสูงสุด โดยควรจะลงทุนเพียง 5-10%

-----------

 

ขณะเดียวกันเชื่อกันว่า เม็ดเงินได้ไหลเข้าลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ราคายังต่ำอยู่ และเพิ่งเข้าสู่วงจร "ขาขึ้น"

พืชเกษตรจึงกลายเป็น "แอสเส็ทใหม่" สำหรับผู้ที่หวังกระจายสินทรัพย์ลงทุน นอกเหนือจากการลงทุนเดิมๆ ในหุ้น พันธบัตร หุ้นกู้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และฯลฯ

ราคามันสำปะหลังขึ้นมาเกือบ 100% ข้าวโพดปรับราคาขึ้นมากว่า 100% ข้าวสาลีมีราคาขึ้นมากว่า 100% ข้าวสาร 150%

ปรากฏการณ์ของราคาสินค้าเกษตรที่ขึ้นมากว่า "เท่าตัว" นี้เป็นสิ่งที่ "สุเมธ เหล่าโมราพร" กรรมการผู้จัดการ บริษัทซี.พี.อินเตอร์เทรด กล่าวว่า ยังไม่เคยปรากฏมาก่อนและถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง (Structural Change) ของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ครั้งสำคัญ

นั่นคือ จะไม่มีวันที่ราคาสินค้ากลับไปตกต่ำอีกต่อไปแล้ว

"ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราไม่เคยเจอ ปรากฏการณ์นี้ผมมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของราคาสินค้าคอมอดิตี้"

เขากล่าวว่า ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรทั้งจากคนและสัตว์ การใช้ผลิตเป็นพืชพลังงานทดแทน ขณะที่พื้นที่ปลูกพืชลดน้อยลง ทำให้เกิดภาวะสต็อกสินค้าลดน้อยลง และมีผลให้ราคาสินค้าเหล่านี้สูงขึ้น

"ที่จริงราคาพืชเกษตรขึ้นมานานแล้วแต่เราไม่ค่อยรู้ ขณะที่พวกกองทุนต่างประเทศเขาสนใจลงทุนในสินค้าคอมมอดิตี้ค่อนข้างมาก" "สุเมธ" กล่าว

เหตุผลที่กองทุนระดับโลกหันมาสนใจในสินค้าคอมมอดิตี้ สุเมธกล่าวว่าเนื่องจากกองทุนเหล่านั้นขาดทุนจากการลงทุนในซับไพรม์อย่างหนัก จึงต้องหันมาสร้างผลตอบแทนจากแหล่งอื่นๆ เพื่อชดเชย

แต่เมื่อภาวะตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรยังไม่สู้ดีนัก กองทุนเหล่านั้นจึงเลือกเก็งกำไรในตลาดคอมมอดิตี้โดยเฉพาะการลงทุนในสินค้าธัญพืช หรือ Soft Commodities เพราะราคาเพิ่งปรับตัวขึ้น จึงให้ผลตอบแทนดีกว่า

ขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์โลหะหนัก หรือ Hard Commodities เช่น ทองคำ น้ำมัน สังกะสี ราคาได้ปรับตัวสูงขึ้นมา 3-4 ปีแล้ว จึงไม่นาสนใจเท่า อย่างเช่นราคาน้ำมันที่เพิ่งทำ "นิวไฮ" ไป

"สินค้าซอฟต์ คอมมอดิตี้ ราคาเพิ่งขึ้นมา เพราะฉะนั้นไซเคิลยังไปได้อีก จึงอยู่ในความสนใจของนักลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ " "สุเมธ" กล่าว

โดยสินค้าธัญพืช 7 ประเภทที่สุเมธระบุว่ามีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดี ได้แก่ น้ำตาล กาแฟ โกโก้ ฝ้าย ถั่วเหลือง ข้าวโพด และข้าวสาลี เพราะราคายังถูกอยู่

"การเข้าลงทุนในสินค้าพวกธัญพืช 7 ประเภทนี้ นักลงทุนจะมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนสูง เนื่องจากราคายังมีโอกาสปรับขึ้นได้หลายร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่น ข้าวโพด มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปอีก 105% ข้าวสาลี 250% เปรียบเทียบกับราคาสินค้าในอดีตหักด้วยเงินเฟ้อตั้งแต่ปี 2513"

ขณะที่ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านฟันด์ โฟลว์.."วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล" กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ประเมินสถานการณ์ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาขณะนี้ ยังมีโอกาสที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งผูกติดอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้อีก

"วิศิษฐ์" บอกว่า การที่ราคาสินค้าเกษตรได้ปรับตัวสูงขึ้นมาในขณะนี้ เป็นผลมาจากการที่เศรษฐกิจของประเทศจีนขยายตัวอย่างมาก ขณะที่พื้นที่เพาะปลูกของจีนลดลง ทำให้ปริมาณสินค้าเกษตรลดลง ขณะที่ความต้องการบริโภคสินค้าเกษตรยังเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพด ฝ้าย น้ำตาล

"สินค้าเกษตรที่สูงขึ้นมาจากสาเหตุค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ขณะที่เศรษฐกิจของจีนเติบโตอย่างมาก เมื่อเงินดอลลาร์อ่อนราคาน้ำมันจึงเพิ่มขึ้น ก็ทำให้เกิดความต้องการนำสินค้าเกษตรมาเป็นพลังงานทดแทนอีก"

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ราคาสินค้าเกษตรได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ขั้นแรกจำพวกแร่ธาตุ ทองคำ น้ำมัน ได้ปรับตัวสูงขึ้นก่อน จนอยู่ในขั้นที่เรียกว่าแพงมากแล้ว

คำถามคือ ราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวขึ้นมาขณะนี้ได้ถึงจุด "สูงสุด" แล้วหรือยัง..

ธนาคารดอยช์แบงก์ได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ว่า ณ ระดับราคาปัจจุบันเทียบกับราคาที่เคยสูงสุดในอดีตเมื่อลบเงินเฟ้อแล้ว (All time in real terms) พบว่า ราคาน้ำมันขณะนี้ที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ถือว่าได้ทำ "นิวไฮ" หรือสูงกว่าราคาสูงสุดในอดีตไปแล้ว

แต่สินค้าเกษตรยังมีโอกาสขึ้นต่อไปได้อีกมาก

โดยเฉพาะสินค้าเกษตรอย่าง น้ำตาล กาแฟ ฝ้าย โกโก้ ถั่วเหลือง ปัจจุบันราคายังอยู่ในระดับต่ำกว่าในอดีตราว 4-15 เท่า

ทั้งนี้มีการประมาณการจากดอยช์แบงก์ว่า สินค้าเกษตรที่แนวโน้มราคาจะปรับตัว "สูงสุด" 5 อันดับแรก ได้แก่น้ำตาล ฝ้าย ถั่วเหลือง ข้าวสาลี และข้าวโพด และจะใช้เวลา 3-4 ปีจึงจะถึงระดับราคาสูงสุด

โดยน้ำตาล มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้มากสุดถึง 165% ฝ้าย 104% ถั่วเหลือง 69% ข้าวสาลี 43% ข้าวโพด 34%

"ราคาน้ำตาล กาแฟ ฝ้าย ถั่วเหลือง ราคาปัจจุบันห่างจากราคาที่สูงในอดีต 4-15 เท่าและยังมีโอกาสไปต่ออีก ส่วนราคาน้ำมันเทียบกับอดีตถือว่าใกล้เคียงแล้ว

สมัยก่อนราคาน้ำมันเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปัจจุบันขึ้นมาอยู่ที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล ก็เท่ากันแล้ว

ส่วนราคาน้ำตาลมีโอกาสที่จะขึ้นสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 หรืออีกราว 4 ปีจะสู่จุดสูงสุด" "วิศิษฐ์" กล่าว

นั่นหมายถึงว่า เราจะอยู่ในภาวะที่สินค้าเกษตรจะเพิ่มขึ้นต่อไปอีกประมาณ 3-4 ปี

โดย "วิศิษฐ์" บอกว่า ขณะนี้ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในช่วงระยะกลาง (Middle Cycle) จึงยังมีโอกาสที่ราคาจะไปต่อได้อีก

ในแง่ความน่าสนใจลงทุนจึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ลงทุน

"อย่างน้อยในอีก 1-2 ปี การลงทุนในสินค้าเกษตรยังน่าสนใจลงทุน เนื่องจากประเทศจีนมีความสามารถในการผลิตสินค้าลดลง ขณะที่มีแนวโน้มว่าค่าเงินดอลลาร์จะยังอ่อนตัวไปอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้านี้ น่าจะทำให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก"

อย่างไรก็ตาม แม้โอกาสการปรับตัวของราคาสินค้ามีสูง แต่การลงทุนในสินค้าคอมมอดิตี้จำพวกสินค้าเกษตรนั้นถือว่ามีความเสี่ยง "สูงกว่า" การลงทุนในสินทรัพย์อื่น

"วิศิษฐ์" กล่าวว่า สิ่งที่ต้องจับตาและพิจารณาเมื่อจะลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ก็คือ หนึ่ง..ดูแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์ว่าจะยังคงอ่อนตัวต่อไปได้หรือไม่ สอง..มีความต้องการบริโภคสินค้าเพิ่มขึ้นหรือไม่ สาม..ประเมินพื้นที่เพาะปลูกของผู้ส่งออกว่ายังมีเพียงพอต่อการผลิตหรือไม่ และสี่..ภูมิอากาศ ถ้าหากพื้นที่เพาะปลูกแห้งแล้ง จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นได้มาก

"การลงทุนในคอมมอดิตี้ เป็นสินทรัพย์ลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง โดยสินค้าเกษตรจะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสูงกว่าลงทุนในน้ำมันหรือตลาดหุ้น เพราะมีเรื่องภูมิอากาศเข้ามาเกี่ยวข้อง ตลอดจนพื้นที่การเพาะปลูกลดน้อยลง"

กลยุทธ์การลงทุนในสินทรัพย์ชนิดนี้ "วิศิษฐ์" จึงให้แนวทางว่า นักลงทุนควรจะกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังสินค้าโภคภัณฑ์ที่หลากหลาย ตลอดจนหาสินค้าที่มีความเสี่ยงต่ำ

ขณะเดียวกันการจัดสรรเงินลงทุนของพอร์ต ถ้าจะเพิ่มเงินลงทุนในสินค้าคอมมอดิตี้ ควรจะเป็นเพียง "สีสัน" ของพอร์ตมากกว่าให้น้ำหนักลงทุนสูงสุด

โดยควรจะลงทุนเพียง 5-10% ของพอร์ต เช่น หากมีเงิน 100 ล้าน ควรจะจัดสรรลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์เพียง 5 ล้าน เท่านั้น

เงินลงทุนส่วนหลักควรจะเน้นลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และถือเงินสด

"สินค้าโภคภัณฑ์ไม่ควรเป็นสินทรัพย์ลงทุนหลักของพอร์ตเนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยงสูง ราคามีโอกาสผันผวน ปรับตัวขึ้นลงสูงครั้งละ 100% และการซื้อขายสินค้าคอมอดิตี้จะต้องวางเงินมาร์จินในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า จึงจะถูกเรียกเงินตลอดเวลา หากราคาปรับลดลง"

นอกจากนั้น การเข้าลงทุนในสินค้าเกษตรต้องดู "จังหวะ" เข้าลงทุนให้ดีด้วย ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นจังหวะที่ไม่เสี่ยงสูง เพราะการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังอยู่ในช่วงระยะกลางของวัฏจักรขาขึ้น ยังมีโอกาสที่ราคาสินค้าจะปรับตัวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดได้อีกมาก

เขายังแนะนำนักลงทุนให้ลงทุนผ่านกองทุนรวมคอมมอดิตี้ที่มีนโยบายการกระจายพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ประเภท จะดีกว่าการเข้าลงทุนด้วยตัวเองผ่านตลาดสินค้าโภคภัณฑ์

"นักลงทุนควรจะลงทุนในกองทุนรวมคอมมอดิตี้ดีกว่าไปลงทุนเอง เพราะกองทุนรวมจะช่วยกระจายความเสี่ยงของสินค้าได้มากกว่า ปัจจุบันมีหลายกองทุนที่กระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่ดี และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี" "วิศิษฐ์" แนะนำ

ขณะที่การเข้าไปลงทุนในหุ้นที่ทำธุรกิจเกษตรโดยตรงนั้น "วิศิษฐ์" กล่าวว่า จะต้องพิจารณาว่าบริษัทนั้นๆ เป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรเองหรือไม่ เพื่อขจัดความเสี่ยงของต้นทุนราคาสินค้า เช่นเดียวเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนรายหนึ่งที่ระบุว่า การลงทุนในหุ้นเกษตรยังมีปัจจัยลบรบกวน เช่น ปัญหาการจัดการด้านต้นทุนการเงินของบริษัท หรือราคาหุ้นที่อาจถูกกระทบถ้าถูกเฮดจ์ ฟันด์ เทขายออกมา

จากที่เคยคุ้นอยู่แต่ตลาดหุ้น พันธบัตร หากใครคิดจะขยับสู่ตลาดคอมมอดิตี้นอกจากเรื่องผลตอบแทนแล้ว คงต้องคำนึงถึงวิธีกระจายความเสี่ยงให้มากด้วย

ที่มา : Bangkokbizweek.com 
28 มี.ค. 51



ผู้ตั้งกระทู้ dr กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2008-04-08 11:50:16 IP : 202.139.223.18


Copyright © 2010 All Rights Reserved.