พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป โดยจะค่อย ๆ ลดวงเงินในการคุ้มครองเงินฝากจากคุ้มครองทั้งหมด และค่อย ๆ ลดลงเหลือการคุ้มครองเหลือบัญชีละ 1 ล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยกำหนดขั้นของการคุ้มครองเงินฝาก ดังนี้
ในปีที่ 1 (11 ส.ค. 51 - 10 ส.ค. 52) ผู้ฝากจะยังได้รับคุ้มครองเต็มจำนวน 100% ในปีที่ 2 (11 ส.ค.52 - 10 ส.ค.53) ผู้ฝากจะได้รับการคุ้มครอง 100 ล้านบาท ในปีที่ 3( 11 ส.ค.53 - 10 ส.ค.54) ผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครอง 50 ล้านบาท ในปีที่ 4 (11 ส.ค.54 -10 ส.ค. 55) ผู้ฝากจะได้รับความคุ้มครอง 10 ล้านบาท ในปีที่ 5 (ตั้งแต่ 11 ส.ค. 55 เป็นต้นไป) ผู้ฝากเงินจะได้รับความคุ้มครอง 1 ล้านบาท
รายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า บัญชีเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ในปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 74.6 ล้านบัญชี ซึ่งแบ่งออกได้เป็น บัญชีเงินฝากที่มีวงเงินมากกว่า 1 ล้านบาท 8.9 แสนบัญชี หรือคิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของบัญชีเงินฝากทั้งหมด แต่ผู้ฝากกลุ่มนี้มีวงเงินรวมถึง 5.1 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 73.1% ของวงเงินฝากทั้งหมด
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า หลังการประกาศใช้พ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก ผลกระทบที่จะเกิดกับบัญชีเงินฝากต่าง ๆ จะเป็นดังนี้
ปีที่ 2 หรือปี 2553 ที่ผู้ฝากยังได้ความคุ้มครองที่ 100 ล้านบาท จะมีบัญชีที่ได้รับผลกระทบ 3,701 บัญชี คิดเป็นจำนวนเงินฝากรวม 1.4 ล้านล้านบาท
ปีที่ 3 ที่จะคุ้มครอง 50 ล้านบาทนั้น จำนวนบัญชีที่ถูกกระทบ 9,016 บัญชี คิดเป็นเงินฝากรวม 1.8 ล้านล้านบาท
ปีที่ 4 ซึ่งจะคุ้มครองเหลือ 10 ล้านบาท จะมีจำนวนบัญชีที่ถูกกระทบ 69,789 บัญชี คิดเป็นวงเงินฝากรวม 2.98 ล้านล้านบาท
ในปีที่ 5 หรือปี 2555 หากคิดจากโครงสร้างเงินฝากในปัจจุบัน จะมีจำนวนบัญชีที่ไม่ได้รับความคุ้มครองจำนวน 8.9 แสนบัญชี |