พอดีได้อ่านบทความนี้ เลยคิดว่าน่าที่จะเป็นการขยายความเข้าใจได้ดีขึ้นสำหรับ เกณฑ์ใหม่ของตลาดที่จะใช้ บัญชีประเภทเงินสด (ต้องวางเงินก่อนเพื่อซื้อ) สำหรับหุ้นที่ติด Turnover List ของตลาดหลักทรัพย์ หวังว่าเพื่อนนักลงทุนทุกท่านจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ นะครับ
ที่มา : Efinancethai.com 27 Jun08
สัปดาห์นี้โค้งสุดท้ายก่อนใช้มาตรการ Turnover list โบรกฯคาดหุ้นเก็งกำไรหงอยรับประทาน เตือนนักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นเสี่ยง พร้อมยอมรับอาจส่งผลต่อภาพรวมการซื้อขาย ทำให้ขาดสีสัน ด้านหุ้นที่ติดโผ Turnover list ของ ก.ล.ต. สัปดาห์ล่าสุดล้วนเป็นหน้าเดิม ทั้ง THL GJS TUCC BWG RICH GSTEEL และ KASET แต่ปรากฎว่าไม่มีตัวใดที่เข้าเกณฑ์ต้องซื้อขายในบัญชี Turnover list ของตลท.เลย
สัปดาห์นี้ถือเป็นสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์จะเริ่มใช้เกณฑ์ Turnover list ซึ่งนักลงทุนจะต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับโบรกเกอร์เต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ก่อนการซื้อหลักทรัพย์นั้น (บัญชี Cash Balance) เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 รอบการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้าข่าย Turnover List ของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือจนกว่าหลักทรัพย์นั้นจะพ้นจากเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป ซึ่งย่อมทำให้สีสันของหุ้นเก็งกำไรขาดหายไป อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วพบว่า เกณฑ์ดังกล่าวอาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะตลาดหลักทรัพย์ได้เพิ่มหลักเกณฑ์หุ้นที่เข้าข่ายต้องวางเงินสดไว้ล่วงหน้าเต็มจำนวน ซึ่งต่างจากเกณฑ์ของ ก.ล.ต.ค่อนข้างมาก โดยหุ้นที่ติด Turnover List ของ ก.ล.ต. ประกอบด้วยอัตราการหมุนเวียนการซื้อขายต่อสัปดาห์ (1W-Turnover) >= 30% และ- มูลค่าซื้อขายต่อวันในรอบสัปดาห์ >= 100 ล้านบาท แต่หุ้นที่ติดเกณฑ์ต้องวางเงินสดล่วงหน้าของ ตลาดหลักทรัพย์ กรณีหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (SET และ mai) มี Turnover ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 50% และ P/E ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 50 เท่าหรือขาดทุน และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน มากกว่าหรือเท่ากับ 100 ล้านบาท กรณีใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) : มี Trunover ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 100% และมีอัตราความยากในการใช้สิทธิ (%Premium) มากกว่าหรือเท่ากับ 20% ของราคาหลักทรัพย์อ้างอิง และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน มากกว่าหรือเท่ากับ 100 ล้านบาท ดังนั้นหลักเกณฑ์ใหม่ อาจไม่น่ากลัวอย่างที่คิด...
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า นักลงทุนไม่ต้องตกใจ เพราะหุ้นที่จะเข้าเกณฑ์ Turnover list ใหม่นี้ค่อนข้างยาก อย่าง TUCC-BWG-ML ที่เคยติดๆกัน P/E แค่ 20 เท่า เท่านั้น แต่อาจจะมีปัญหาสำหรับคนที่อยากขาย แต่อาจจะขายยาก เพราะไม่มีคนซื้อ โดยภาพรวมสัปดาห์นี้วอลุ่มคงไม่ได้บางลง เพราะเกณฑ์มันค่อนข้างจะยืดหยุ่นอยู่บ้าง แต่ช่วงปลายๆสัปดาห์คงต้องมาติดตามกันอีกรอบว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไร สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงจะติด Turnover list นั้น ช่วงวันจันทร์-พุธ เก็งกำไรกันให้เต็มที่ วันพฤหัส เริ่มทยอยขายทำกำไร และติดตามข้อมูลของนักวิเคราะห์ในวันศุกร์ นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่าการที่ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเริ่มใช้มาตรการดูแลหุ้นที่ติด Turnover List ของสำนักงาน ก.ล.ต. ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ น่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนักลงทุนที่จะซื้อขายหุ้นเหล่านี้จะต้องมีเงินสดวางไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนก่อนการซื้อหลักทรัพย์นั้น (บัญชี Cash Balance) โดยการที่จะต้องลูกค้าเปิดบัญชีเงินสดเพื่อการซื้อขายหุ้นที่ติด Turnover list โดยเฉพาะถือเป็นอุปสรรคในการซื้อขายหุ้น เพราะต้องมีเงินสดรองรับการซื้อขายมากพอสมควร ความเสี่ยงต่อทรัพย์สินส่วนตัวก็จะมีสูงขึ้นมากเป็นเท่าตัว และแม้ว่าการเริ่มใช้มาตรการจะมีผลบังคับแก่หุ้นที่ติดรายชื่อ Turnover list ที่จะประกาศในวันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคมซึ่งเท่ากับว่าจะมีเวลาที่ปลอดภัยต่อมาตรการบังคับอีกเกือบ 1 สัปดาห์ แต่เชื่อว่าบรรยากาศการเก็งกำไรสัปดาห์หน้าก็จะอยู่ในภาวะซบเซา เพราะคงนักลงทุนอาจหวั่นเกรงความเสี่ยงในการติดหุ้น และไม่กล้าเข้ามาเล่นเก็งกำไรอีกซักระยะหนึ่ง ทั้งนี้แนะนำนักลงทุนให้หลีกเลี่ยงหุ้นที่มีโอกาสจะติด Turnover list เพราะไม่คุ้มค่ากับการเสี่ยงที่จะวางเงินสดถึง 100% เนื่องจากอาจเผชิญผลขาดทุนแล้วอาจยังต้องสูญเงินสำรองของตนเองอีกด้วย "แม้จะมีเวลาอีก 1 สัปดาห์ แต่การปล่อยผีก่อนช่วงเจอมาตรคุมเข้มคงไม่มีให้เห็น เพราะไม่มีผีให้ปล่อยแล้ว สังเกตจากช่วงสัปดาห์นี้ หุ้นเก็งกำไรก็เงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด อย่าง LIVE-IEC-BLISS ก็นิ่งเงียบมาก ตามปกติถ้าตลาดฯซบหุ้นใหญ่หงอย พวกหุ้นเก็งกำไรจะชักแถวมาเพียบ แต่วันนี้ไม่มีเลย ยิ่งบวกหุ้นเครือเสี่ยซันนี่ไม่ต้องพูดตั้งแต่เจอข่าว Force Sell ก็ไม่มีใครกล้ายุ่งอีก สำหรับนักลงทุนท่ชอบหุ้นร้อนช่วงนี้คงต้องปรับตัวถ้าไม่อยากเจ๊ง เพราะเล่นแบบวางเงินมันไม่คุ้ม เสียงขาดทุนและยังเสี่ยงสูญเงินในกระเป๋าอีก เชื่อว่าหุ้นเก็งกำไรคงเงียบไปพักใหญ่ๆจนกว่าพวกขาใหญ่จะหาทางหนีทีไล่หาแหล่งเงินทุนมาเล่นได้ เพาะต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมาก ช่วงนี้ทำราคาไปก็คงไม่มีใครกล้าตาม มันได้ไม่คุ้มเสีย ทางออกของนักลงทุนคือเลิกเล่นหุ้นร้อนแบบนี้จะปลอดภัยที่สุด" นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่ามาตราการการดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูงที่เข้าข่ายรายชื่อหลักทรัพย์ตามเกณฑ์เทิร์นโอเวอร์ลิสต์ (Turnover List) ของสำนักงาน ก.ล.ต. มองว่าเป็นการแก้ไขปัญหาได้ถูกจุดในแง่การบริหารการจัดการ ซึ่งโบรกฯ แต่ละแห่งต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลในการรับมือเพื่อแก้ปัญหาสำหรับการเล่นหุ้นที่เข้าข่ายติด เทิร์นโอเวอร์ลิสต์ อยู่แล้ว ส่วนในแง่นักลงทุนมองว่าน่าจะยอมรับความเสี่ยงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนได้หลังจากที่มีข่าวว่าจะมีการใช้มาตราการนี้ออกมา โดยหลังจากที่มีมาตราการTurnover List ออกมาใช้ในช่วงแรก อาจผลกระทบต่อภาพรวมของตลาดหุ้นในช่วงแรกนี้ขาดสีสันไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วนักลงทุนจะสามารถปรับตัวได้และหันมาใช้เหตุผลในการวิเคราะห์การลงทุนหุ้นแต่ละตัวมากขึ้น ซึ่งหากหุ้นตัวใดที่ติดโผก็จะทำให้นักลงทุนไม่สามารถเล่นได้ หุ้นจึงอาจมีสภาพคล่องน้อยลงผู้บริหารก็ต้องหันมาพัฒนาตัวพื้นฐานให้ดีขึ้น "การเล่นหุ้นเก็งกำไรจึงต้องรอบคอบมากขึ้นเราอาจจะทำการบ้านโดยวัน จันทร์ อังคาร พุธ เป็นวันที่เก็บข้อมูลหุ้นในแต่ละตัวและซื้อขายได้บ้าง ส่วนวันพฤหัสจะสรุปว่าตัวไหนมีแนวโน้มยังไงแล้วค่อยปรับพอร์ต" นายธวัชชัยกล่าว นักวิเคราะห์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า หุ้นที่มีความเสี่ยงจะติด Turnover list ของสำนักงานก.ล.ต.ตามเกณฑ์ใหม่คือ มี P/E เกิน 50เท่า ,ขาดทุน และมีปริมาณการซื้อขายเกิน 20%ของหุ้นที่หมุนเวียนในตลาด ที่จะเริ่มประกาศใช้ในรอบตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย.51-3 ก.ค.51 นั้น ซึ่งหุ้นที่ติด Turnover list รอบนี้นักลงทุนจะต้องซื้อขายด้วยเงินสดเท่านั้น เบื้องต้นมองว่า THL มีโอกาสจะติด Turnover list ตามเกณฑ์ใหม่ เพราะบริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุน และหากดูข้อมูลย้อนหลังรอบสปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่าปริมาณการซื้อขายเกิน 100 ล้านบาท และอีกบริษัทที่มีความเสี่ยงจะติดเกณฑ์ใหม่คือ METRO ซึ่งต้องติดตามปริมาณการซื้อขายอีกครั้ง เพราะรอบที่ผ่านมามีปริมาณการซื้อขายเพียง 50 ลบ. "นักลงทุนไม่ต้องตกใจ เพราะหุ้นที่จะเข้าเกณฑ์ Turnover list ใหม่นี้ค่อนข้างยาก อย่าง TUCC-BWG-ML ที่เคยติดๆกัน P/E แค่ 20 เท่า เท่านั้น แต่อาจจะมีปัญหาสำหรับคนที่อยากขาย แต่อาจจะขายอยาก เพราะไม่มีคนซื้อ โดยภาพรวมสัปดาห์นี้วอลุ่มคงไม่ได้บางลง เพราะเกณฑ์มันค่อนข้างจะยืดหยุ่นอยู่บ้าง แต่ช่วงปลายๆสัปดาห์คงต้องมาติดตามกันอีกรอบว่าแนวโน้มจะเป็นไง"นักวิเคราะห์กล่าว สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนหุ้นที่มีความเสี่ยงจะติด Turnover list นั้น ช่วงวันจันทร์-พุธ เก็งกำไรกันให้เต็มที่ วันพฤหัส เริ่มทยอยขายทำกำไร และติดตามข้อมูลของนักวิเคราะห์ในวันศุกร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหากพิจารณาจากหุ้นที่ติด Turnover list ของสำนักงาน ก.ล.ต.ล่าสุด ไม่มีหุ้นตัวใดเข้าข่ายต้องซื้อขายในบัญชี Turnover list ของตลาดหลักทรัพย์เลย โดยไม่มีบริษัทใดที่มี P/E เกิน 50 เท่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยหุ้นที่ติด Turnover list ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นถึงรายชื่อหุ้นที่มีอัตรา การ ซื้อขายหมุนเวียนสูง อันแสดงว่าเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายเปลี่ยนมือกันมาก และอาจมีแนวโน้มนำไปสู่ ภาวะการซื้อขายที่ผิดปกติ ประจำสัปดาห์ สิ้นสุดวันที่ 26 มิ.ย. 2551
Turnover List ของหุ้นสามัญใน SET สิ้นสุดวันที่ 26 มิถุนายน 2551 No Share %1W-Turnover P/E ratio หรือบริษัทที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน 1 THL 44.76 102.26 ขาดทุน 2 GJS 39.74 270.77 30.13 3 TUCC 385.97 296.98 19.91 4 BWG 80.41 158.26 18.85 5 RICH 55.89 185.20 14.92 6 GSTEEL 30.65 398.35 7.31
Turnover List ของหุ้นสามัญใน MAI สิ้นสุดวันที่ 26 มิถุนายน 2551 No Share %1W-Turnover P/E ratio หรือบริษัทที่มีผลการดำเนินงานขาดทุน 1 KASET 56.37 35.18 37.16
ที่มา : สำนักงานก.ล.ต.
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) ได้แก้ไขข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่อง มาตรการดำเนินการกรณีมีการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ให้เหมาะสมกับภาวะการซื้อขาย เพื่อลดความเสี่ยงของผู้ลงทุนและระบบการซื้อขายโดยรวม รวมทั้ง มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนที่ผู้เกี่ยวข้องได้ทราบล่วงหน้า โดยปรับปรุงมาตรการกำกับดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จากเดิมที่ห้ามการซื้อขายแบบ Net Settlement & Margin Trading เป็นการกำหนดให้บริษัทสมาชิกต้องดำเนินการให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ก่อนการซื้อหลักทรัพย์นั้น (บัญชี Cash Balance) พร้อมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์ของหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายดังกล่าวคือ หลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูงที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Turnover List ของสำนักงาน ก.ล.ต. และมีลักษณะเพิ่มเติมตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดในแต่ละประเภทหลักทรัพย์ ดังนี้ กรณีหุ้นสามัญในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (SET และ mai) มี Turnover ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 50% และ P/E ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 50 เท่าหรือขาดทุน และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน มากกว่าหรือเท่ากับ 100 ล้านบาท กรณีใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ (Warrant) : มี Trunover ratio มากกว่าหรือเท่ากับ 100% และมีอัตราความยากในการใช้สิทธิ (%Premium) มากกว่าหรือเท่ากับ 20% ของราคาหลักทรัพย์อ้างอิง และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน มากกว่าหรือเท่ากับ 100 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ตลาดหลักทรัพย์ฯจะประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายที่สมาชิกต้องการให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ก่อนการซื้อขายหลักทรัพย์นั้น (บัญชี Cash Balance) ตามรอบการประกาศ Turnover List ของสำนักงาน ก.ล.ต. กล่าวคือ จะประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นรายสัปดาห์ในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ หรือวันศุกร์หลังจากที่สำนักงาน ก.ล.ต. ประกาศรายชื่อ Turnover List แล้วซึ่งจะประกาศหลังตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการซื้อขาย อนึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการคำนวณ Trunover ratio ไว้และให้ข้อมูลในการจัดทำ Turnover List เป็นรายสัปดาห์ กล่าวคือ ใช้ข้อมูลของวันศุกร์ถึงวันพฤหัสของสัปดาห์ถัดไป และจะเปิดเผยรายชื่อในวันศุกร์หลังตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการซื้อขายผ่านทางเวปไซด์ที่ http://www.sec.or.th ทั้งนี้ เมื่อหลักทรัพย์ใดเข้าข่ายหลักเกณฑ์ข้างต้น สมาชิกต้องกำหนดให้ลูกค้าวางเงินสดไว้ล่วงหน้ากับสมาชิกเต็มจำนวนที่จะซื้อหลักทรัพย์ก่อนการซื้อหลักทรัพย์นั้น (บัญชี Cash Balance) เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 รอบการประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้าข่าย Turnover List ของสำนักงาน ก.ล.ต. หรือจนกว่าหลักทรัพย์นั้นจะพ้นจากเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป ในกรณีหลักทรัพย์นั้นยังคงเข้าข่ายตามเกณฑ์ที่กำหนดในรอบสุดท้ายที่จะครบระยะเวลา สมาชิกต้องดำเนินการตามเกณฑ์ต่อไปอีกจนกว่าหลักทรัพย์นั้นจะพ้นจากรายชื่อหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามหลักเกณฑ์ข้างต้น
|