ReadyPlanet.com


CEO - ตระ***ลดัง!!! รวยเงินปันผลครึ่งปี 49


CEO - ตระ***ลดัง!!! รวยเงินปันผลครึ่งปี 49

โดย บิสิเนสไทย [23-9-2006]
“บิสิเนสไทย” สำรวจเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่จ่ายให้กับ CEO มือทอง ภายหลังเป็น “กุนซือ” ในการวางนโยบายให้กับบริษัทเพื่อเก็บเกี่ยว “รายได้” และ “กำไรสุทธิ” ไตรมาส 2 ประจำปี 2549 และงวด 6 เดือน พบระหว่างเดือนสิงหาคม - 5 กันยายน 2549 “อนันต์ อัศวโภคิน” CEO แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) เป็นผู้ที่กวาดเงินปันผลออกจากตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย (ตลท.) มากที่สุด ด้วยตัวเลข 307 ล้านบาท จากการเข้าไป ถือหุ้น LH

ขณะที่ “นักลงทุนรายใหญ่” อย่าง “นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” หรือ เสี่ยปู่ ก็รับเงินปันผลจากการถือหุ้น RPC รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 6,490,800 บาท เช่นเดียวกับ “เครือญาตินักการเมือง” และตระ***ลดัง อาทิ มาลีนนท์ แห่ง BEC, วิไลลักษณ์ แห่ง SAMART, โบว์เสรีวงศ์ แห่ง SINGHA ที่พร้อมใจกัน โกยเงินปันผลเข้ากรุสมบัติของตระ***ล หลังจากผลประกอบการงวด 6 เดือน ล้วนมีกำไร

นอกจาก “ค่าตอบแทน” ในรูปของ “เงินเดือน” และ “ค่าเบี้ยประชุม” ที่เหล่าบรรดาผู้บริหาร บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ต้องรับเข้ากระเป๋าอยู่ เป็นประจำทุกเดือนแล้ว อีกมุมหนึ่งของผลตอบ แทนที่อิงกับฝีมือของผู้บริหาร โดยผูกติดกับราย ได้ และผลกำไรของบริษัท ก็คือเงินปันผล ที่พวก เขายังคงจะได้รับอย่างต่อเนื่องในฐานะที่เป็นผู้ถือ หุ้นของบริษัท

จากการสำรวจของ “บิสิเนสไทย” พบว่า ตลอด เดือนสิงหาคม - 5 กันยายน 2549 มีบริษัท จดทะเบียนจำนวน 71 แห่งได้แจ้งต่อตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงมติที่ประชุม คณะกรรมการ (บอร์ด) ในการอนุมัติให้จ่ายเงิน ปันผลระหว่างกาลประจำปี 2549 สำหรับผลการ ดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 แก่ผู้ถือหุ้น และในจำนวน 71 บริษัทมี 30 บริษัท ที่ได้แจ้ง***ส่วนการถือครองหุ้นของ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ผ่านเว็บไซต์ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) www.set.or.th

รอบนี้ นายอนันต์ อัศวโภคิน CEO แลนด์ แอนด์เฮ้าส์ เป็นผู้ที่ได้รับเงินปันผลมากที่สุด จำนวน 307,909,348 บาทเมื่อเทียบกับ CEO รายอื่นๆ จากการที่เขาครอบครองหุ้น LH จำนวน 1,811,231,460 หุ้นปัจจุบันนายอนันต์ ถือเป็น CEO ที่โดดเด่น มากที่สุดในยุคนี้ เพราะเขาคือหนึ่งในตัวจักรสำคัญ ในการผลักดันให้ “แลนด์แอนด์เฮ้าส์” มีรายได้ และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2545 LH กำไร 3,820.12 ล้านบาทก้าวกระโดดขึ้นมาที่ 5,180.70 ล้านบาท ในปี 2548 พร้อมกับมาร์เก็ต แคปที่ขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับ 66,675.68 ล้านบาท และกลายเป็นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่สะทอ้ นถึงความมั่นคงและความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ของประเทศได้เป็นอย่างดี

ถัดมา นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม CEO แห่ง ค่าย “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ซึ่งรอบนี้เขาสามารถ กวาดเงินปันผลจากการถือหุ้น GRAMMY ใน*** ส่วน 266,664,430 หุ้นหรือ 54.42% รับเงิน ปันผลไปจำนวน 53,332,886 บาท หลังจาก ในรอบ 6 เดือนแรก “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” สามารถ ทำผลประกอบการให้มีกำไรมาอยู่ที่ 98.61 ล้าน บาท พร้อมกับราคาหุ้นที่เริ่มขยับเป็นขาขั้น

ส่วนนายปัญญา นิรันดร์กุล และนายประภาส ชลศรานนท์ 2 CEO ใน “เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์ เมนท์” ก็ร่วมใจกันเก็บเกี่ยวเงินปันผลที่ได้จาก การลงทุนในหุ้น WORK ด้วยจำนวนเงิน 44,598,480 บาท และ 44,499,000 บาท ตาม ลำดับ ซึ่งเป็นรองนายอนันต์ และนายไพบูลย์ เท่านั้น

ปัจจุบัน WORK เป็นผู้ผลิตรายการที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับและรูปแบบรายการมีลักษณะโดด เด่นเฉพาะตัว ทำให้ WORK มีการผลิตรายการ โทรทัศน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 8 รายการใน ปี 2545 เพิ่มเป็นเท่าตัวมาเป็น 17 รายการ ในปัจจุบัน โดยเวลาออกอากาศเฉลี่ยได้เพิ่มจาก 334 นาที/สัปดาห์มาเป็น 1,287 นาที/สัปดาห์ ที่สำคัญการที่บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกรง่ ปลอด หนี้และสร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอจึงถือเป็นจุด เด่นของบริษัท

ผลงานที่โดดเด่นทำให้นักวิเคราะห์ค่ายบล.กิม เอ็ง มองอนาคตของ WORK ว่า ยังคงสามารถ จ่ายเงินปันผลได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตรา ผลตอบแทนจะอยู่ที่ 6-7% จากอัตราการจ่าย เงินปันผลมากกว่า 70% ของกำไร

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงเท่ากับว่า นายปัญญา นิรันดร์ กุล และนายประภาส ชลศรานนท์ จะเป็นเศรษฐี ใหม่ในพริบตา อันเป็นผลมาจากการรับเงินปัน ผลหุ้น WORK อย่างต่อเนื่อง

ลำดับต่อมาคือนายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บางกอก เชน ฮอส ปิทอล (KH) ที่รอบนี้เขาสามารถขึ้นมาครองใน ตำแหน่งเบอร์ 5 ของ CEO ที่รับเงินรับปันผลสูง สุด ด้วยเม็ดเงินมากถึง 30,799,998 บาท จาก การถือหุ้น KH ในอันดับที่ 1

ส่วน “ลลิล พร็อตเพอร์ตี้” (LALIN) บริษัท อสังหาริมทรัพย์ที่ในรอบ 6 เดือนปี 2549 สามารถเก็บเกี่ยวกำไรเข้าบริษัทไปได้มากถึง 236.50 ล้านบาท แต่นักวิเคราะห์ มองว่าเป็น กำไรที่ลดลง 29% เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการ ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาน้ำมัน, อัตราดอกเบี้ย และความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่เกิดขึ้นซึ่งปัจจัยลบสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการ ตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค

รอบนี้ LALIN ก็ยังจ่ายผลตอบแทนให้กับ นายทวีศักดิ์ วัชรรัคคาวงศ์ Ceo ในรูปของเงิน ปันผลเป็นจำนวน 28,020,330 บาท จากการ ที่เขาถือหุ้นใน LALIN เป็นจำนวน 233,502,750 หุ้น หรือคิดเป็น 28.30%

อันดับ 7 เปน็ ของน.ส.ฐิตินันท ์วัธนเวคิน ประธาน งานงานบริการการเงินและเงินฝาก ธนาคาร เกียรตินาคิน(KK) ที่รอบนี้กวาดเงินปนั ผลเขากระเปา จากการถือหุ้น KK ไปเป็นจำนวนเงิน 24,741,972 ขณะที่ “นักลงทุนรายใหญ่” อย่าง “นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล” หรือ เสี่ยปู่ ก็รับเงินปันผลจากการถือหุ้น RPC รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 6,490,800 บาท เช่นเดียวกับ “เครือญาตินักการเมือง” และตระ***ลดัง อาทิ มาลีนนท์ แห่ง BEC, วิไลลักษณ์ แห่ง SAMART, โบว์เสรีวงศ์ แห่ง SINGHA ที่พร้อมใจกัน โกยเงินปันผลเข้ากรุสมบัติของตระ***ล หลังจากผลประกอบการงวด 6 เดือน ล้วนมีกำไร บาท หลังจากที่นักวิเคราะห์มองอนาคตแบงก์เกียรตินาคินในปี 2549 ว่า จะมีผลประกอบการกำไรสุทธิ 2.45 พันล้านบาท หลังจากในครึ่งแรกปี 2549 KK มีผลประกอบการกำไรสุทธิเท่ากับ 1.18 พันล้านบาท เพิ่ม ขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทางด้าน “ไดนาสตี้เซรามิค” (DCC) ก็มีความโด่ดเด่นมากขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะเม็ดเงินที่บริษัทต้องจ่ายในรูปของเงินปันผลให้กับผู้บริหาร เพราะ รอบนี้นายรุ่งโรจน์ แสงศาตรา รับเงินเข้ากระเป๋าไปเป็นจำนวน 22,519,915 บาท เช่นเดียวกับนายอภิรักษ์ วานิช CEO แห่ง “ยูนิวานิชน้ำมันปาล์ม” ที่รับเงินปันผลจากการถือหุ้นจำนวน 21,988,802 บาท เป็นอันดับ 10 สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นปตท. (PTT), ปูนซีเมนต์ไทย (SCC), ปูน ซีเมนต์นครหลวง (SCCC), แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC), ปตท.สำรวจ และผลิตปิโตเลี่ยม (PTTEP), ชิน คอร์ปอเรชั่น (SHIN) และผลิตไฟฟ้า ราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ได้รับปันผลสูงสุดเป็นรัฐบาล กับ สถาบันกองทุนในประเทศเป็นหลัก

เปิดตัวตระ***ลดังรับปันผล

จากการตรวจสอบ ยังพบข้อมูลรายชื่อ “ตระ***ลดัง” รวมถึงโครงข่าย “เครือญาตินักการเมือง” และ “นักลงทุนรายใหญ่” รับเงินปันผลในรอบ นี้เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ได้รับเงินปันผลในตำแหน่ง CEO ของตนเอง และ ผ่านเครือญาติโยงเข้ามาถือหุ้นอยู่ด้วย

เริ่มจาก “ตระ***ลมาลีนนท์” ในการครองถือหุ้นบีอีซี (BEC) เป็นเงิน รวมกว่า 396 ล้านบาท โดยหัวเรือใหญ่อย่างนายประวิทย์ มาลีนนท์ โกย เงินเข้ากระเป๋ามากที่สุด จำนวนทั้งสิ้น 79 ล้านบาท รองมาคือน.ส.รัตนา มาลีนนท์ รับเงินทั้งสิ้น 55 ล้านบาท

ขณะที่นายประสาร มาลีนนท์, นายประชุม มาลีนนท์, น.ส.อัมพร มาลีนนท์ รับไปคนละ 54 ล้านบาท โดยที่น.ส.นิภา มาลีนนท์ รับเต็มๆ 41 ล้านบาท

ส่วน น.ส.เทรซีแอนน์และ น.ส.แคทลีน มาลีนนท์” บุตรสาวของ นายประชา มาลีนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ก็รับ เงินปันผล BEC ด้วยเช่นเดียวกันจำนวนคนละ 27 ล้านบาท ผ่าน การถือหุ้น BEC คนละ 78,570,000 หุ้น หลังจากก่อนหน้าเธอทั้ง 2 ได้ ตัดสินใจขนเงินสดกว่า 191.97 ล้านบาทเข้าไปซื้อหุ้น CVD มาก่อน หน้านี้

ขณะที่ “ตระ***ลวิไลลักษณ์” ก็ร่วมใจกันรับเงินปันผลหุ้น SAMART เป็น จำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 21,019,520 บาท โดยที่นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กวาดเงินเข้ากระเป๋ามากที่สุดด้วยจำนวนเงินมากถึง 8,226,530 บาท รองลงมาคือนายเจริญรัฐ วิไลลักษณ์รับเงินทั้งสิ้น 7,631,730 บาท ส่วน นายธนานันท์ วิไลลักษณ์ และน.ส.พรพิมล วิไลลักษณ์ รับอย่างน้อย คนละ 2,580,630 บาท และ 1,200,000 บาท ตามลำดับ

นอกจากนี้ยังพบ “ตระ***ลเลขะพงษ์พานิช” ที่พร้อมใจกันกวาดเงินปัน ผลหุ้นแปซิฟิกไพพ์ (PAP) ไปเป็นจำนวนทั้งสิ้น 26,057,515 บาท ส่วน “ตระ***ลโบว์เสรีวงศ์” ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน “สิงห์ พาราเทค” ก็กวาด เงินสดเข้ากระเป๋าไปเหนาะๆ จำนวน 8,206,038 บาท ขณะที่นาย สมจิตร โบว์เสรีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ก็ตั้งเป้ารายได้ของบริษัท ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 25% จากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 750 ล้านบาท

สำหรับเครือญาตินักการเมืองยังปรากฏชื่อ นางพนิดา เทพกาญจนา ภรรยา ของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เข้ามาถือหุ้นในธนาคารเกียรตินาคิน (KK) มากเป็นอันดับ 1 ทำให้รอบ นี้เธอรับเงินปันผลไปเป็นจำนวนทั้งสิ้น 41,875,906 บาท

“นายทวีฉัตร จุฬาง***ร” หลายชายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายก รัฐมนตรี ก็รับเงินปันผลหุ้นสามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) และหุ้น จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) รวมเป็นเงินทั้งสิ้น เป็นจำนวน 9,364,760 บาท

ส่วน “นักลงทุนรายใหญ่” อย่างนายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ก็รับเงิน จากการเข้าไปลงทุนในหุ้นระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) เป็นจำนวนเงิน 6,490,800 บาท ปิดท้ายด้วยหุ้นไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ (TPC) ที่รอบนี้ปรากฏ ชื่อนางสุรางค์ เปรมปรีดิ์ หรือ คุณนายแดงแห่งช่อง 7 สีถือหุ้นอยู่ในอันดับ ที่ 12 รับเงินปันผลที่ได้จากการลงทุนในหุ้น TPC จำนวน 3,825,000 บาท หลังจากที่นิตยสารฟอร์บส์ จัดให้คุณนายแดงติดทำเนียบเศรษฐีเมือง ไทยในอันดับที่ 37



ผู้ตั้งกระทู้ musashi โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2006-09-26 14:45:49 IP : 61.47.115.125


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (713225)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-07-18 14:55:52 IP : 203.146.127.159


ความคิดเห็นที่ 2 (748555)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-08-24 17:14:10 IP : 203.146.127.179



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.