ReadyPlanet.com


CLSA แนะเล่นหุ้นฝ่าวิกฤติการเมือง


CLSA แนะเล่นหุ้นฝ่าวิกฤติการเมือง
ต้องแบงก์-อสังหาฯ แต่กลุ่มSHIN ห้ามแตะ

* ฟันธง รอบนี้ต้อง BBL-KBANK-SCB-LH-PS  

 

          
 

             CLSA เปิดบทวิเคราะห์ แนะนำลงทุนหุ้นท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน ในขณะนี้ต้องเป็นกลุ่มแบงก์-อสังหาฯ เหตุเป็นหุ้นที่เคลื่อนไหวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเลือกหุ้นใหญ่ อย่าง BBL-KBANK-SCB-LH รวมไปถึง PS ที่น่าสนใจ ส่วนรองลงมาเป็น TMB- BAY- KK - TISCO ส่วนหุ้นอิงการเมืองและที่เกี่ยวข้องกับตระ***ล "ชินวัตร" อย่าเข้าไปแตะ
ทั้ง SHIN- ADVANC- ITV- SATTEL ส่วนภาวะตลาดหุ้นโดยรวมเชื่อยังมีทิศทางผันผวนแค่ระยะสั้น หากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยหลังมีการยึดอำนาจโดยคณะปฏิรูปการปกครองฯไม่นำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต แต่ยังมองการยึดอำนาจจากทักษิณถือเป็นการแก้ปัญหาทางการเมืองของไทยที่ยืดเยื้อมานาน และส่งผลดีต่อตลาด

         หลังการประกาศปฏิรูปการปกครองของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) เมื่อคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 ความกังวลว่าการปฏิรูปการปกครองฯ ดังกล่าวต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เกิดขึ้นทันที โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ว่าอาจจะชะลอการลงทุนทันทีที่ หลังจากเหตุการณ์ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลรักษาการของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้น ยิ่งความกังวลต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วยแล้ว เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะบรรดาโบรกเกอร์ บริษัทจดทะเบียน นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจมากที่สุดว่าทันทีหลังจากเปิดการซื้อขาย ดัชนีฯจะร่วงลงมากเท่าไหร่ โดยเฉพาะการคาดการณ์ว่าจะลดลงถึง 10% แน่ๆ จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้มาตรการเซอร์กิต เบกเกอร์ ในการหยุดซื้อขายชั่วคราว แต่ยังดีที่วานนี้ (20 ก.ย.) ซึ่งเป็นวันแรกหลังการปฏอรูปการปกครองนั้น ทางคณะปฏิรูปได้สั้งให้ตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการ เพราะฉนั้นจึงทำให้ต้องเปิดการซื้อขายเมื่อวานนี้แทน
         
และทันทีที่ตลาดเปิดการซื้อขายเมื่อวานนี้ ปรากฎว่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงทันทีตามคาดการณ์โดยเปิดที่ระดับ 674.31 จุด ลดลงทันที 28.25 จุด หรือ - 4.02% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำสุดของวัน และปรับขึ้นไปสูงสุดอยู่ที่ 702.05 จุด ลดลงแค่ 0.51 จุด -0.07% ก่อนจะปรับตัวลดลงอีกครั้งมาปิดที่ระดับ 692.57 จุด ลดลง 9.99 จุด หรือ -1.42% มูลค่าการซื้อขาย 43,084.01 ล้านบาท โดยมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 5 เดือน 12 วัน
          ทั้งนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย และลดความกังวลเรื่องของการ Panic ในการเปิดซื้อขายไปได้ แต่อย่างไรก็ตามหากมองแล้ว จะเห็นว่าการเปิดการซื้อขายในวันนี้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อย เพราะนักลงทุนนั้นคลายความกังวลจากเหตุการณ์ยึดอำนาจไปได้มากแล้ว ในขณะที่เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่าน ทางคณะปฏิรูปการปกครอง ฯ โดยพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปฯ ก็ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศรับทราบ โดยยืนยันว่าคณะปฏิรูปการปกครอง จะใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ในการควบคุมดูแลความสงบในประเทศ จากนั้นจะเร่งรีบร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ และจัดตั้งรัฐบาลรักษาการชุดใหม่ ขึ้นมาบริหารประเทศโดยเร็ว และหลังจากนั้นจะดำเนินการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี เพื่อให้สามารถจัดการเลือกตั้งได้ในต้นเดือนตุลาคม ปี2550 เพราะฉะนั้นการแถลงข่าวดังกล่าวจึงถือว่าลดดีกรีความกังวลใจ และการ Panic Sell ของนักลงทุนไปได้มากพอสมควร
        
 ในขณะที่เมื่อพิจารณาจากมุมมองนักลงทุนต่างประเทศแล้ว ก็ไม่ได้มองประเทศไทยในมุมลบ หรือเลวร้ายมากนักสำหรับการปฏิรูปการปกครองฯในครั้งนี้ อีกทั้งยังมองว่าภาพการปฏิรูปฯ ไม่ได้รุนแรงแต่อย่างไร ขณะที่มีสภาพเรียบร้อยอีกต่างหากจึงทำให้การปฏิวัติประหารของไทย ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายรุนแรงเมื่อเทียบกับบางประเทศ แม้แต่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็ยืนยันว่านักลงทุนต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของไทย การไหลออกของเงินทุนก็ยังไม่มีเปลี่ยนแปลงที่แสดงว่ามีเงินทุนไหลออก และล่าสุดแม้แต่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้สอินเวสเตอร์เซอร์วิส ก็ยืนยันอันดับเครดิตไทย โดยคงมุมมอง มีเสถียรภาพ สะท้อนสถานะทางการเงิน-ดุลการชำระที่แข็งแกร่ง ซึ่งสามารถต้านทานผลกระทบระยะสั้นจากการสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้
        
โดยอันดับความเชื่อถือของไทยที่ได้รับการยืนยันอันดับวันนี้ได้แก่ อันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินในประเทศและต่างประเทศซึ่งอยู่ที่ระดับ Baa1 และเพดานอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินต่างประเทศซึ่งอยู่ที่ระดับ A3 และเพดานอันดับความน่าเชื่อถือสกุลเงินต่างประเทศสำหรับเงินฝากภาคธนาคารซึ่งอยู่ที่ระดับ Baa1 ส่วนอันดับความน่าเชื่อถืออื่นๆไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อีกทั้งระบุว่า การยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือดังกล่าวผ่านการพิจารณาความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังคงดำเนินต่อไปอีกในอนาคต
         จากความเชื่อมั่นดังกล่าวของนักลงทุนต่างประเทศนั้น สะท้อนให้เห็นได้จากวานนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังซื้อสุทธิมากถึง 7,391.98 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มสถาบันในประเทศ และลุกค้าทั่วไปขายสุทธิ 2,788.28 ล้านบาท และ 4,603.70 ล้านบาท ตามลำดับ
      
  นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากสถิติของการปฏิวัติก่อนหน้านี้ ที่มีผลต่อการซื้อขายและดัชนีตลาดหลักทรัพย์นั้น ในครั้งนี้ถือว่ามีผลต่อตลาดฯ น้อยมาทีเดียว โดยภาพรวมดัชนีฯลดลงแค่ 1.42% เท่านั้น หากเทียบกับการปฏิวัติครั้งก่อนเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2534 ซึ่ง 14 วันหลังเกิดเหตุ ดัชนีลดลงถึง 7% โดยอยู่ที่ระดับ 791.64 จุด และวานนี้ทางบริษัท CLSA ก็ได้ออกบทวิเคราะห์การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไทย หลังจากเกดเหตุการณ์ปฏิรูปการปรกครองฯ

 

* CLSA แนะเก็บหุ้นแบงก์-อสังหาฯ รับมือภาวะการเมือง
       
  บทวิเคราะห์การลงทุนโดย CLSA วันที่ 20 กันยายน 2549 ระบุว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยจะมีทิศทางผันผวนในระยะสั้น หากสถานการณ์ทางการเมืองของไทยหลังมีการยึดอำนาจโดยคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขไม่นำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต
อย่างไรก็ตาม CLSA แนะนำว่า ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงไม่ความแน่นอนอยู่ในขณะนี้ควรหลีกเลี่ยงหุ้นที่อ่อนไหวหรือเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะอย่างหุ้นที่เข้าข่ายเกี่ยวข้องกับตระ***ลชินวัตรของอดีตนายกฯทักษิณไม่ว่าจะเป็น SHIN ADVANC ITV และ SATTEL นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่พัวพันกับนักการเมืองอย่าง ITD และ STEC

         ขณะเดียวกัน CLSA ระบุว่า หุ้นในกลุ่มที่สามารถลงทุนได้ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้คือหุ้นที่เคลื่อนไหวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศได้แก่ กลุ่มธนาคารและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
โดย CLSA เชื่อว่า หุ้นทั้งสองกลุ่มจะมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนหุ้นที่ควรลงทุนนั้นเน้นธนาคารขนาดใหญ่อย่าง BBL KBANK และSCB เป็นหลัก ส่วนหุ้นที่มีความน่าสนใจลองลงมาได้แก่ TMB BAY KK และ TISCO
       
 ขณะที่หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ควรลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่เช่นกันได้แก่ LH และ PS ส่วนหุ้นสื่อสาร CLSA เห็นว่า TRUE เป็นตัวที่น่าสนใจที่สุด เนื่องจากจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการปฏิรูปกิจการโทรคมนาคม และเป็นตัวเดียวที่รอดพ้นการถูกตรวจสอบ***ส่วนการถือหุ้นโดยชาวต่างชาติ

 

*มองหุ้นหลักทรัพย์ต้อง ASP-KEST เลี่ยง PHATRA
       
  นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ยังเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากภาวะตลาดในระยะนี้ เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายที่จะเข้ามากทั้งในกรณีที่ตลาดตอบรับข่าวดีหรือข่าวร้ายเกี่ยวกับสถานการณ์การทางการเมือง ส่วนหุ้นที่น่าสนใจที่สุดในกลุ่มนี้ได้แก่ ASP และ KEST
           ทั้งนี้ CLSA ระบุว่า สำหรับมุมมองที่มีความน่าจะเป็นมากที่สุดต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยคือ การยึดอำนาจจากทักษิณจะเป็นการแก้ปัญหาทางการเมืองของไทยที่ยืดเยื้อมานาน ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตลาด

ข่าว efinancethai.com



ผู้ตั้งกระทู้ musashi โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2006-09-22 11:00:35 IP : 221.128.90.151


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (713236)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-07-18 14:56:10 IP : 203.146.127.159


ความคิดเห็นที่ 2 (748569)
ผู้แสดงความคิดเห็น _ ›ำ^๖ฝขถ จ วันที่ตอบ 2007-08-24 17:14:31 IP : 203.146.127.179



[1]


Copyright © 2010 All Rights Reserved.