i-Home | i-About | i-Knowledge | i-Download | i-Webboard | i-Training | i-Gallery | i-Contact | i-FAQ |
อยากทราบกลยุทธจัดหุ้นเข้าพอร์ตให้ได้กำไรที่ดี | |
ผู้ตั้งกระทู้ tukta :: วันที่ลงประกาศ 2007-05-10 14:05:15 IP : 58.10.68.163 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (605229) | |
คำถามนี้กว้าง และ ตอบให้ได้ในกระทูนี้ก็ยากเช่นกัน พอดีนึกได้ เลยขอมาประยุกต์คำพูดทางพุทธศาสนาแล้วกัน ครับเอาสั้นๆ คือ ศึล สมาธิ ปัญญา ศีล คือ มีกฎ และปฎิบัติตามกฎ และแนวทางที่ตัวเองเลือกไว้ สมาธิ คือ มีสติ ในการตัดสินใจ ไม่ใช้อารมณ์ เข้ามาคิด ปัญญา คือ เรียนรู้สม่ำเสมอ และพัฒนา ตัวเองจากข้อผิดพลาด | |
ผู้แสดงความคิดเห็น dr วันที่ตอบ 2007-05-11 11:09:10 IP : 58.64.89.176 |
ความคิดเห็นที่ 2 (605232) | |
กลยุทธ์การจัดพอร์ต หากใคร ได้เข้าฟังในงาน สัมมนา "Open House" ที่มีคุณวิทยากรรับเชิญพิเศษ มาให้ความรู้กับเรา ก็คงเข้าใจได้เลยว่าการลงทุนนั้นมี ปัจจัยหลายอย่างที่กำหนดุกลยุทธ์การจัดพอร์ตของผู้ลงทุนเอง ซึ่งไม่มีรูปแบบตายตัว ว่าต้องเป็นแบบใดแบบหนึ่ง 100% เพราะนิสัยผู้ลงทุน ,ระยะเวลาการลงทุน, การยอมรับความเสี่ยง ,เวลาที่ให้กับการติดตามากรลงทุน , จำนวนเงินทุน,ความถนัด และประสบการณ์ เป็นตัวกำหนด รูปแบบนั้นๆ ครับ ซึ่ง หนึ่งในวิทยากร รับเชิญของเรา คุณ นำชัย เตชะรัตนวิโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูไนเต็ด จำกัด(มหาชน) ได้บอกกับผู้เข้าฟังสัมมนาในวันนั้นว่า การจัดพอร์ตก็ขึ้นอยู่กับ Styleการลงทุนของแต่ละคนเช่นกัน ซึ่งสามารถแบ่งการลงทุน ได้ ถึง 5 แบบ และทุกแบบมีกูรูที่สามารถประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยผลตอบแทน ของแต่ละ Style นั้นพิสูจน์มาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้มากกว่า 15%ต่อปีในระยะเวลาต่อเนื่องกัน ซึ่งมีดังนี้ครับ 1. Value Investor พวกนี้จะเน้นลงทุนระยะยาว เลือกบริษัทที่ดี ไม่กี่ตัวและจะไม่ยอมขายหุ้น ออกมาเพราะต้องการลงทุนเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของกิจการ กูรู คือ Warrent Buffet 2. Growth Investor มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นหรือธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่ดีแม้ว่าหุ้นราคา PE สูงก็ไม่กลัว เพราะเชื่อว่าปีหน้า Earningยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก ดังนั้น ราคาหุ้นก็จะปรับขึ้นได้เอง กูรู คือ Peter Lynch 3. Macro Investor พวกนี้จะลงทุน ต่อเมื่อมองเห็นโอกาส จากการวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ว่าจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมใด ซึ่งตัวอย่างการลงทุนเช่นนี้ได้แก่ การมองเห็นว่าถึงเศรษฐกิจโลก จะฟื้นตัว ดังนั้นหากวิเคราะห์ภาพ Macro ออก ก็ควรลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงาน และ Comodities เพราะความต้องการของผู้ผลิตและผู้บริโภคจะกลับมาอีกครั้ง ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในช่วงปี 2003ถึง 2006 ราคาสินค้าหรือหุ้นเหล่านี้ปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ยมากกว่า 3 เท่า หรือแม้การวิเคราะห์เศรษฐกิจของประเทศใดและโจมตีค่าเงินหรือช่องโหว่ของประเทศนั้น เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจหรือการเก็งกำไร ก็เป็นแนวทางเดียวกันกับการดูภาพ Macro ซึ่งกูรูก็คือ George Soros 4.Theme Play Investor ผู้ลงทุนในแนวนี้ ก็จะวิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ปัจจุบันว่าและอนาคตว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเป็นผลกระทบ หรือเป็นแนวทางในอนาคต โดยนำเรื่องเหล่านั้นมากำหนดกลยุทธ์การลงทุนเช่นคนสนใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น สถานพยาบาบไม่เพียงพอ ความต่างของค่ารักษาพยาบาลในเมืองนอกกับเมืองไทยต่างกันอยู่มากจึงทำให้หุ้นโรงบาลมีโอกาส สร้างกำไรได้มากกว่าอุตสาหกรรมอื่น จึงทำให้ผู้วิเคราะห์ Theme ออก ก็จะเข้ามาลงทุน หรือเช่นปัจจุบัน คนให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมดังนั้น หากอุตสาหกรรมใด สามารถสร้างผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม หรือ ดูแลสิ่งแวดล้อมก็จะเป็น Theme ที่เกิดขึ้นในอนาคตได้เช่นกัน 5. Technical Analysis ผู้ลงทุน แบบการวิเคราะห์ทางเทคนิค จะเน้นในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของราคา เป็นหลัก โดยวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย และหา Demand & Supply เพื่อกำหนด pricing ในการตั้งราคา โดยเชื่อว่าทุกอย่างมีวัฐจักร และข้อมูลทุกอย่างมักจะสะท้อนอยู่ในราคาหุ้น (กราฟ) ซึ่งจะใช้ Mechanical Trading System เพื่อกำหนดจุดซื้อและขาย รวมถึงการหยุดขาดทุน โดยจะใช้หลักคณิตศาสตร์ และสถิตติ มาเป็นตัวกำหนด ด้วยเครื่องมือหลากหลาย กูรู คือ มีหลายท่าน ได้แก่ John Bollinger, Dr.Alexander Elder, Martin Pring , John J.Murphy ดังนั้นผู้ลงทุนเองอาจเลือกแนวทางการจัดพอร์ต จากตัวอย่างทั้ง 5 นี้เพื่อเป็นแนวทางของตนเอง หรือจะใช้หลักการผสมผสานกัน ก็ได้ ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น dr วันที่ตอบ 2007-05-11 11:10:37 IP : 58.64.89.176 |
ความคิดเห็นที่ 3 (713120) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2007-07-18 14:53:04 IP : 203.146.127.159 |
ความคิดเห็นที่ 4 (748429) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น _ำ^๖ฝขถ
จ วันที่ตอบ 2007-08-24 17:02:51 IP : 203.146.127.179 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 610400 |