ReadyPlanet.com


จัดพอร์ตลงทุนปี54'หุ้น-ทอง'ผลตอบแทนยังแรง!


user image

ภาพรวมการลงทุนปี 2553  ผลิตภัณฑ์การลงทุนเด่นต้องยกให้หุ้นและทองคำ โดยนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี ได้รับผลตอบแทนหรือมีอัตราการทำกำไรถึง 40.6 %  ส่วนทองคำแท่งให้ผลตอบแทนมากกว่า 20 %   ดังนั้น นักลงทุนที่จัดพอร์ตแบบเชิงรุก หรือรับความเสี่ยงได้สูงจึงยิ้มแก้มปริไปตาม ๆ กัน
         สำหรับปี 2554  สินทรัพย์การลงทุนที่ยังโดดเด่น  นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ผู้จัดการกองทุน  และผู้ค้าทอง ยังยกให้หุ้นและทองคำ รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดอื่น ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันและสินค้าเกษตร  (ดูตารางประกอบคาดการณ์ผลตอบแทนจากการลงทุนปี 2554)
        อย่างไรก็ตามการดูที่ผลตอบแทนอย่างเดียวคงไม่พอ  ดังนั้น ก่อนจัดสรรเงินลงทุนหรือพอร์ต สำหรับปี 2554 มาดูกันก่อนว่าปีนี้มีปัจจัยอะไรที่มีอิทธิพลต่อการลงทุนบ้าง
         ปัจจัยแรก  เงินทุนเคลื่อนย้าย   ซึ่งเป็นผลจากสหรัฐอเมริกา ใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบตลาดเงิน(QE2) ขณะที่ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป หรืออียู จะเป็นแรงกดดันให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวนต่อไป 
          ขณะที่นักวิเคราะห์มองตรงกันว่า เงินทุนจำนวนมากที่มีแนวโน้มไหลบ่าเข้ามาในประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชียนั้น จะส่งผลต่อการปรับตัวของราคาหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งตลาดหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นมากกว่าเท่าตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อาจทำให้นักลงทุนพร้อมที่จะเทขายเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลาเช่นกัน
          ปัจจัยที่ 2  ทิศทางเศรษฐกิจไทย  โดยสมาคมนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 2554 ขยายตัวที่ระดับ 4-4.5% สำหรับการลงทุนจากภาคเอกชน จะเป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 6.5-7.0%
          ปัจจัยที่ 3  แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย   โดยนักวิเคราะห์คาดว่าปี 2554  อัตราดอกเบี้ยนโยบาย(อาร์/พี 1 วัน ) จะปรับสูงขึ้นถึง 0.75% ถึง 1.0% โดยมีระดับสูงสุดที่ 2.75% ถึง 3.0% ซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินปรับสูงขึ้นในทิศทางเดียวกัน
           ปัจจัยที่ 4 ผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียน(บจ.)  สมาคมนักวิเคราะห์คาดว่าปี 2554 กำไรสุทธิจะเติบโต  16.7%
         ปัจจัยที่ 5 เงินเฟ้อ  ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มทะยานขึ้น  โดยธนาคารแห่งประเทศไทย คาดการณ์ปี 2554 เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 3-5 %  ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบโลก ปี 2554 จะอยู่ที่ 85  ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และกลางปีมีโอกาสไต่ระดับถึง 100  ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล
 ปัจจัยที่ 6  การเมือง  ซึ่งประเด็นทางการเมืองที่สำคัญในปี 2554 คือ การเลือกตั้งทั่วไปที่มีการคาดว่าจะมีขึ้นภายในปีนี้  ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กิมเอ็ง(ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) มองว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันสามารถกลับมาเป็นรัฐบาลได้อีกครั้ง ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็น่าจะมีน้อยลง
         สำหรับคำแนะนำในการจัดพอร์ตลงทุนปี 2554 "วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ" ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ในฐานะนายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวว่า หากผู้ลงทุนต้องการได้รับผลตอบแทน 10-15% แนะนำให้จัดพอร์ตลงทุนแบบเชิงรุก (Aggressive) โดยแบ่งเงินลงทุนในตลาดหุ้น 30% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 15-20% ส่วนที่เหลือให้นำไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น อาทิ ทองคำ น้ำมัน และพันธบัตร
           วิวรรณยังย้ำอีกว่า ปี 2554 ควรลงทุนในหุ้นอย่างมาก ซึ่งคาดว่า ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงถึง 15-20 %  อีกทั้งควรให้น้ำหนักการลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าเกษตร ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพด ข้าวสาลี และน้ำตาลมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% ซึ่งเป็นผลมาจากภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายแก่พื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรถีบตัวสูงขึ้น
           ส่วนคำแนะนำของมืออาชีพด้านการลงทุน แนะว่า ควรหนีออกจากการลงทุนในพันธบัตรและเงินฝาก เนื่องจากผลตอบแทนแพ้เงินเฟ้อ
             โดย ดร.ศุภกร  สุนทรกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.)เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดพอร์ตลงทุนปี 2554  นักลงทุนควรเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น  เช่น หุ้น  และทองคำ เพื่อให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ
            "ปีนี้คาดว่าการลงทุนในตลาดหุ้นให้รีเทิร์น ประมาณ 20 %  แบ่งเป็นกำไรจากส่วนต่างราคาประมาณ 16 % และเงินปันผล  3.5-4 % ต่อปี  ซึ่งสูงกว่าเงินฝากถึง 20 เท่า และสูงกว่าผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 6 เท่า  หรือแม้แต่ผลตอบแทนจากเงินปันผล ก็สูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรอายุ  10 ปี" 
              ด้านคำแนะนำของ"ชัยพร  น้อมพิทักษ์เจริญ" ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.บัวหลวงฯ กล่าวว่า  การลงทุนในตราสารหนี้ระยะกลาง(อายุ 2-5 ปี) และตราสารหนี้ระยะยาว ( อายุ 5-10 ปี)  ผลตอบแทนมีโอกาสแพ้เงินเฟ้อ จึงแนะนำทยอยลดน้ำหนักการลงทุน จากปี 2553 ที่แนะนำให้ลงทุนสัดส่วน 50 % สำหรับพอร์ตที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ยังแนะนำให้คงสัดส่วนเท่าเดิมที่  5 % ขณะที่คาดการณ์ผลตอบแทนปี 2554 ที่ประมาณ 4 % ต่อปี
          มาที่การลงทุนในทองคำ ซึ่งถือเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่โดดเด่นอีกปี อย่างไรก็ตามผู้ค้าทองยอมรับว่าปีนี้ราคาทองคำจะมีความผันผวนสูง  ดังนั้นควรมีทองคำในพอร์ต  20-40 %  จากสูตรการลงทุนดังกล่าว "จิตติ  ตั้งสิทธิภักดี" นายกสมาคมค้าทองคำ และประธานกรรมการ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด  กล่าวว่า  สำหรับนักลงทุนเล่นเก็งกำไรเป็นรอบมีโอกาสทำกำไรได้ถึง  30 %  ทีเดียว
             สำหรับการจัดพอร์ตตามระดับความเสี่ยงที่บล.บัวหลวงฯ แนะนำลูกค้าแบ่งเป็น 3 รูปแบบดังนี้           
          แบบแรก สำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย( Conservative Portfolio) โดยจะเน้นลงทุนในตลาดเงิน 52% ตลาดหุ้น 13% ทองคำ 11% น้ำมัน 9%  หุ้นกู้เอกชน เรตติ้งตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป 6% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 5% ตราสารหนี้รัฐบาลระยะยาว 2% ตราสารหนี้รัฐบาลระยะสั้น 2% โดยประเมินว่าการลงทุนทางเลือกนี้จะได้ผลตอบแทนสูงสุดที่ระดับ 4.5% และเป็นทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยง "ต่ำที่สุด"
          แบบที่สอง รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง (Moderate Portfolio)  โดยจะลงทุนในตลาดเงิน 31%  ลงทุนในหุ้นเพิ่มเป็น 20% ทองคำ 16% น้ำมัน 14% หุ้นกู้เอกชน เรตติ้งตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป 7% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 6% ตราสารหนี้รัฐบาลระยะสั้น 6% ตราสารหนี้รัฐบาลระยะยาว 7%  การลงทุนในรูปแบบนี้จะได้รับผลตอบแทนสูงสุดที่ระดับ 6%
          แบบที่สาม รับความเสี่ยงได้สูง( Aggressive Portfolio)  ทางเลือกนี้จะลงทุนในตลาดหุ้นมากที่สุด 24% ทองคำ 20% ตลาดเงิน 17% ตราสารหนี้รัฐบาลระยะสั้น 7%  หุ้นกู้เอกชน เรตติ้งตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป 7% กองทุนอสังหาริมทรัพย์ 5% และตราสารหนี้รัฐบาลระยะยาว 3% ทางเลือกนี้ประเมินว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดที่ 7%
            ขณะที่"อุมาพันธ์ เจริญยิ่ง" ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนการเงินส่วนบุคคล ธนาคารกสิกรไทย แนะนำว่า หากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯปี 2554 ปรับตัวเหนือ 1,100 จุด นักลงทุนควรแบ่งสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 50% ซึ่งคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงถึง 40% ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 25-30% ที่เหลือแบ่งไปลงทุนในทองคำ
          ข้างต้นคือ คำแนะนำการจัดพอร์ตลงทุนปี 2554  สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น นักวิเคราะห์ให้นิยามว่า เป็นปี"กระต่ายหมายจันทร์" หรือตั้งตารอว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯจะวิ่งขึ้นที่ระดับ 1,200 -1,300 จุด ตามการคาดการณ์หรือไม่ ส่วนการลงทุนในทองคำ ผู้ค้าทองให้นิยามว่า เป็นปี "ทองดุ"  เพราะราคาจะผันผวนแรง !

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,598  6-9  มกราคม พ.ศ. 2554



ผู้ตั้งกระทู้ dr_morky (dr_morky-at-hotmail-dot-com) กระทู้ตั้งโดยสมาชิก โพสต์และแสดงความเห็นเฉพาะสมาชิกเท่านั้น :: วันที่ลงประกาศ 2011-01-17 16:53:22 IP : 203.154.146.54


Copyright © 2010 All Rights Reserved.