ตลาดหุ้น ณ ตอนนี้คงต้องบอกว่าค่อนข้างเหนื่อย สำหรับการลงทุนแม้ว่าหุ้นจะปรับตัวลดลงมาอย่างมากในช่วงนี้จนอยู่ในระดับที่เรียกว่า over sold แต่เมื่อมีการรีบาวด์ แบบไร้ปัจจัยบวกรวมถึงภาพแนวโน้มขนาดกลาง ระดับสัปดาห์ก็ดูไม่ดีด้วยแล้ว จึงทำให้ตลาดมีการกระแทกลงต่อทุกครั้ง

ซึ่งประเด็นที่น่าจับตา คือ

1.สภาวะตลาดโลกล้วนแล้วแต่ยังมีความกังวลกับสภาวะน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมาจนทำสถิติใหม่จนเป็นความกังวลต่อต้นทุนสินค้าและส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อไปทั่วโลก

2.อัตราดอกเบี้ยจากเฟด และอัตราดอกเบี้ยโลกต่างปรับตัวสูงขึ้นเพื่อรักษาระดับเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลต่อตลาดทุนและตลาดเงิน เพราะจะมีเม็ดเงินจากตลาดทุนไหลออกไปเข้าตลาดเงินเพื่อไปฝากเงินกินดอกเบี้ยที่มีแต่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้***ส่วนเม็ดเงินการลงทุนในหุ้นจะย้ายออก

3.ค่าเงินบาทยังไม่ค่อยมีเสถียรภาพเท่าที่ควรจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่ยังไม่นิ่งส่งผลให้ ดอกเบี้ย RP14วันของบ้านเราต้องขยับต่างเพื่อรักษาระดับดอกเบี้ยไม่ให้ต่างเกินไป และจะทำให้เม็ดเงินต่างชาติที่ลงทุนในประเทศไทยไหลออก ไปลงทุนในที่ ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หากเกิดส่วนต่าง รวมถึงตัวเลขทางเศรษฐกิจ ในเรื่องตัวเลขความเชื่อมั่นต่างๆ เช่นการลงทุน การบริโภค ล้วนปรับตัวลดลง รวมทั้งตัวเลขการขาดดุลการค้าที่มีแต่จะมากขึ้นจากภาวะราคาน้ำมัน และล่าสุดตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดที่แม้จะเกินดุลในช่วง10เดือนที่ผ่านมาแต่ตอนนี้ก็ได้ขาดดุลแล้วและดูเหมือนจะยังคงขาดดุลได้ต่อเนื่อง ตลอดปีนี้ ซึ่งจะเป็นเหตให้ค่าเงินบาทอ่อนได้

4.ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ภาคผลิต การลงทุน อุตสาหกรรม การบริโภค ชะลอตัว ซึ่งความชัดเจน ว่าจะเลือกรัฐบาลกันใหม่ได้ นั้นอาจจะทำได้เร็วสุดก็ปลายปีนี้ ซึ่งคงต้องรอกว่า 2ไตรมาส

5.แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ที่มีการขายต่อเนื่องอย่างหนักตั้งแต่เดือน พฤษภาคม จนถึงปัจจุบัน ก็ขายออกมาเพื่อย้ายเงินทุนออกไปลงทุนในจีน จากการเก็งค่าเงินหยวนในอนาคต รวมถึงการทำกำไร และความกังวลจากภาวะการเมืองของประเทศไทย ซึ่งจะเห็นว่ามี***ส่วนกว่า 40,000ล้านบาทแล้ว

6.ดัชนีตลาดหุ้นไทย อาจจะถูกแรงกดจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลงหนักเพราะจะได้รับผลกระทบ หากอัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นเร็ว ก็จะทำให้***ส่วนสินเชื่อหดตัว คนไม่กล้า***้แบงค์ ก็ทำให้รายได้หดตัว และยังมีความเสี่ยงในเรื่องหนี้เสีย หากผู้ชำระเบี้ยมีภาระการจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้นและกลายเป็นหนี้สูญได้

กลยุทธการลงทุน  ณ ตอนนี้ คือหากเล่นรีบาวด์ ต้องเฝ้าหุ้นและเล่นไวจริง ซึ่งผู้ที่ทำได้คงมีไม่กี่คน ดังนั้นผมแนะนำว่าให้รอดูจากสัญญาณ ตาราง I-chart30 ว่ามีหุ้นใดเริ่มมีสัญญาณ+ จากการทะลุผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 5วัน และ10วัน จนเกิดเป็นสัญญาณซื้อ จึงจะเริ่มกลับมาซื้อหุ้นใหม่จะดีกว่า ซึ่งหากดูChart ในสัปดาห์อาจจะรอการปรับตัวที่เร็วสุดคือประมาณสองสัปดาห์ โดยการดีดกลับในระดับ 680 แล้วกลับเลยก็เป็นได้แต่น้อย เพราะอาจจะมีแรงขายอีกครั้งเป็นครั้งที่สามก่อนปรับตัวเป็นแนวโน้มขาขึ้นรอบใหญ่อีกครั้งคงต้องรอแถว 650-660 ซึ่งอาจจะต้องดูปัจจัยบวกต่างๆ จาก6ข้อมี่ผ่านมา ครับ

จะสังเกตว่าตลาดหุ้นทั่วโลกนับแต่วันที่ 8 เดือนพฤษภาคม ล้วนแล้วแต่ปรับตัวลดลงเกือบทั้งหมด ซึ่งนับเป็นแรงขายต่อเนื่องกว่า 4สัปดาห์หรือ หนึ่งเดือนแล้วซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ทำ จุดต่ำสุดใหม่กันทั้งนั้น

2. ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟดก็ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะปรับขึ้นอีกในวันที่ 29มิย. นี้ ดังรูปด้านล่าง

3.หากดู กราฟค่าเงินบาทหรือเงินเยน ญี่ปุ่นก็ล้วนแต่มีการอ่อนตัว นับแต่ อาทิตย์ต้นเดือนพ.ค . ซึ่งจะเห็นว่าเงินบาทมีการอ่อนตัวจาก 37.50บาท มาอยู่ที่ระดับ 38.50บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

4. เมื่อดูตัวเลขเศรษฐกิจ จะเห็นว่าดัชนีความเชื่อมั่นต่างๆ ล้วนปรับตัวลดลง ดังเห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง ดังรูปด้านล่าง

5. ความไม่มั่นใจทางตัวเลข เศรษฐกิจ  ความไม่มั่นคงทางการเมือง การอ่อนตัวจากค่าเงินบาท ล้วนส่งผลและเป็นสาเหต ให้เกิดแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะเห็นตัวเลขจากแรงขายสุทธิในเดือน พฤษภาคม กว่า 34,000ล้านบาท ดังรูป

หากจะตอบว่าตลาดหุ้น จะกลับมาดีเมื่อไหร่ก็คงต้องดูปัจจัยเหล่านี้ว่า กลับมาเป็นบวกอีกครั้งเมื่อไหร่ หรือมีสัญญาณที่ดีขึ้นหรือเปล่า รวมทั้งการดูสัญญาณทางเทคนิคอาจจะต้องดูรอบที่ยาวขึ้น เพื่อให้เห็นความแน่ชัดของตลาด ดังนั้นควรติดตามสัญญาณบวกจาก ตาราง i-chart30 ว่ามีสัญญาณการปรับตัวขึ้นบวก ของหุ้นแต่ละตัวเป็นอย่างไร เพราะตอนนี้ แทบจะเป็นลบเกือบทุกสัญญาณในตาราง

ต้องขอโทษ คุณ แอปเปิ้ล ด้วย นะครับ ผม ไม่ใช่เจ้าหน้าที่การตลาด ผมไม่ใช่นักวิเคราะห์ ผมแค่เป็นเพื่อนนักลงทุนเพื่อนักลงทุน ที่อยากแนะนำให้นักลงทุนวิเคราะห์หุ้นได้ดัวเอง  ดังนั้น คงบอกแนวรับ เช่นนั้นไม่ได้ แต่อยากให้คุณแอปเปิ้ล ลองศึกษาตาราง i-chart 30 เพื่อบอกแนวโน้มสำหรับการซื้อขายหุ้น โดยอาจจะเลือกหุ้นจาก การวิเคราะห์พื้นฐานมาประกอบ

เนื่องจากตลาดหุ้นผันผวนนะครับผมเห็นว่านักลงทุนหน้าใหม่หลายคนสับสนมากๆรวมทั้งนักลงทุนหน้าเก่าที่ไม่ได้รับการดูแลจากมาร์เก็ตติ้งเดิมทางเรายินดีนะครับที่จะดูแลและแนะนำคุณรวมทั้งเรามีโมเดลจำลองทดลองการเทรดเราจะติดตามและปรับกลยุทธ์ให้เพื่อหาวิธีแก้การเทรดแบบมั่วให้คุณหวังว่าคงได้รับประโยชน์นะครับขอให้เมลมาสมัครนะครับเราจะแจ้งวันและเวลาอีกทีเป็นประโยชน์นะสำหรับนักลงทุนทั้งใหม่และเก่าเรามีทีมหารีสิรช์เพื่อคุณโดยเฉพาะติดต่อwolfofmoney@yahoo.comครับ

               ผมเป็น marketing แต่ผมเคยมี marketing  ที่ห่วยมากและแนะนำแต่หุ้นที่เก็งกำไร จุดที่เข้าซื้อก็แย่มาก จุดตัดขาดทุนก็ไม่ม่ แนะนำหุ้นก็ไม่มีหลักการ ข่าวก็ไม่อ่านรู้เรื่องแค่นิดหน่อยก็พูดยาวเป็นกิโล(บางคนนะครับบางคนที่ผมเจอมา)

  ก่อนอื่นนักลงทุนต้องคุยกับผมแหละครับเราจะต้องรู้นิสัยใจคอกัน รู้ทางของหุ้นรู้ว่าเราจะลงทุนอะไรเก็งกำไรอะไร

เราจะใช้กลยุทธ์อะไรวิธีนี้เป็นวิธีที่ประยุกต์ใช้ทั้งแบบdsmและกลยุทธ์เก็งกำไรดัดหลังรายใหญ่

   ผมและทีมงานรวมทั้งคุณเองด้วยเราจะช่วยกันแล้วคุณจะประหลาดใจกับผลการเทรดที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนะครับแต่ไม่ใช่เป็นโคตรเฃียนหรือรวยเป็นร้อยล้านในพริบตาทำไม่ได้หรอกครับแบบนั้น

     ขอบคุณที่สละเวลาอ่านหวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ